backup og meta

พฤติกรรมเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ ถ้าไม่ปรับรับรองว่าเสี่ยงแน่


เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 27/07/2021

    พฤติกรรมเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ ถ้าไม่ปรับรับรองว่าเสี่ยงแน่

    มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตประชากรโลกในทุก ๆ ปี โดยหนึ่งในสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็คือพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของเรานั้นเอง แต่จะมี พฤติกรรมเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ อะไรบ้าง และพฤติกรรมใดบ้างที่คุณทำอยู่เป็นประจำ ตามไปหาคำตอบได้ที่บทความนี้จาก Hello คุณหมอ กันค่ะ

    มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นอย่างไร

    มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินอาหารส่วนลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนท้ายสุดของกระบวนการย่อยอาหาร โดยมะเร็งลำไส้ใหญ่จะเริ่มจากเซลล์ขนาดเล็กหรือติ่งเนื้อที่ไม่มีอันตรายในลำไส้ใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปติ่งเนื้อดังกล่าวก็อาจพัฒนากลายเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็ง มะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย แต่โดยมากแล้วมักจะพบได้ในกลุ่มผู้สูงอายุ

    สัญญาณและอาการที่บ่งบอกได้ถึงความเสี่ยงในการเป็น มะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้แก่

    • อาการท้องร่วงท้องเสียเป็นประจำ
    • อุจจาระออกมาเป็นเลือด หรือมีเลือดปนมากับอุจจาระ
    • อาการปวดท้องอย่างรุนแรงเป็นประจำ ก๊าซในช่องท้อง 
    • ลำไส้แปรปรวน
    • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
    • น้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัดโดยไม่ทราบสาเหตุ

    อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วในระยะแรกเริ่มของ มะเร็งลำไส้ใหญ่ จะไม่มีอาการแสดงออกอย่างชัดเจน รวมไปถึงอาการหรือสัญญาณของมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็แตกต่างกันไปในแต่ละคน เนื่องจากขนาดและตำแหน่งของเซลล์มะเร็งในลำไส้ใหญ่ในแต่ละคนมีความแตกต่างกัน

    พฤติกรรมเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีอะไรบ้าง

    มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่ก่อให้เกิด มะเร็งลำไส้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น

    • อายุที่มากขึ้น
    • พันธุกรรม
    • สมาชิกในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
    • อาการลำไส้อักเสบ
    • โรคทางพันธุกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับลำไส้ใหญ่
    • โรคเบาหวาน
    • โรคอ้วน
    • การได้รับรังสี

    นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นแล้ว หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็คือ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ดังนี้

    1. การดื่มแอลกอฮอล์

    การดื่มแอลกอฮอล์ ถือเป็นหนึ่งในพฤติกรรมการกินที่ไม่ถูกสุขลักษณะ แต่ถ้าหากจำเป็นหรือต้องการที่จะดื่ม ควรดื่มไม่เกิน 1-2 แก้วต่อวัน เพราะผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่า 1-2 แก้วต่อวัน จากผลการศึกษาพบว่ามีความเสี่ยงที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากถึง 6 %

    2. มีน้ำหนักตัวมาก

    ผู้ที่ปล่อยปละละเลยการดูแลตนเอง จนกระทั่งมีน้ำหนักตัวเกินกว่าเกณฑ์ที่ควรจะเป็น จากผลการวิจัยพบว่ามีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆ รวมถึง มะเร็งลำไส้ใหญ่ ด้วย ซึ่งจากผลการสำรวจในสหราชอาณาจักรพบว่า ผู้ที่เป็นโรคอ้วน มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่สูงถึง 11 %

    3. การรับประทานเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปมากเกินไป

    เนื้อแดงหรือเนื้อแปรรูปในปัจจุบัน ไม่ว่าจะในอาหารบุฟเฟ่ต์หรือปิ้งย่าง พบว่ามีความเสี่ยงที่จะได้รับสารเร่งเนื้อแดงและสารเคมีที่สามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร อย่าง มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งจากผลการสำรวจในสหราชอาณาจักรพบว่า ผู้ที่รับประทานเมนูเนื้อแดงเป็นประจำ มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่สูงถึง 13 %

    4. รับประทานไฟเบอร์น้อย

    ไฟเบอร์ เป็นหนึ่งในอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ทั้งช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร และช่วยในการขับถ่าย แต่ถ้าหากรับประทานไฟเบอร์น้อย จะมีผลต่อระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายทันที และในระยะยาวอาจส่งผลให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ซึ่งจากผลการสำรวจในสหราชอาณาจักรพบว่า ผู้ที่รับประทานไฟเบอร์น้อย มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่สูงถึง 30 % เลยทีเดียว

    ป้องกัน มะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้อย่างไรบ้าง

    การปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตบางประการดังต่อไปนี้ อาจมีส่วนช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้

    1. เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี และตรวจคัดกรอง มะเร็งลำไส้ใหญ่

    หลายคนมักจะถือคติ ไม่ตรวจเท่ากับไม่เป็น ซึ่งถือว่าเป็นแนวความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะเราไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้เกิดอาการก่อนแล้วจึงทำการรักษา การเข้ารับการตรวจสุขภาพปีละครั้ง หรือทุก ๆ 6 เดือน จะช่วยให้เราทราบถึงแนวโน้มความเสี่ยงทางสุขภาพ โดยเฉพาะการตรวจคัดกรองความเสี่ยงของ มะเร็งลำไส้ใหญ่ หากพบความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถที่จะหาทางป้องกันหรือรักษาได้ทันท่วงที อย่ารอให้ป่วยหนักก่อนแล้วจึงเข้ารับการตรวจวินิจฉัย

    2. รับประทานอาหารที่ให้ไฟเบอร์สูง

    ไฟเบอร์เป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญที่ร่างกายควรได้รับอย่างเพียงพอ เพราะมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่าย ทั้งยังมีส่วนช่วยให้สุขภาพลำไส้ดีด้วย ดังนั้นควรเน้นรับประทานผักและผลไม้ในทุก ๆ มื้อของการรับประทานอาหาร

    3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

    การไม่ค่อยออกกำลังกาย นำมาซึ่งความเสี่ยงต่อสุขภาพหลายประการ หนึ่งในนั้นคือ มะเร็งลำไส้ใหญ่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มีส่วนช่วยให้ระบบทางเดินอาหาร ระบบย่อยอาหาร ระบบเผาผลาญ และระบบขับถ่ายทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ช่วยลดปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับลำไส้ และลดความเสี่ยงของอาการทางสุขภาพอื่น ๆ

    4. รักษาน้ำหนักให้เหมาะสม

    หากน้ำหนักเกินมาตรฐานค่าเฉลี่ยหรือมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วน ถือว่ามีโอกาสเสี่ยงต่อ มะเร็งลำไส้ใหญ่ ควรหมั่นออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อดูแลให้น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและห่างไกลจากโรคอ้วน

    5. ดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง

    หากเป็นไปได้ควรเลิกดื่มแอลกอฮอล์ แต่ถ้าหากอยู่ในสภาวะที่เลี่ยงได้ยาก ควรรู้จักยับยั้งปริมาณในการดื่ม ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่า 1-2 แก้วต่อวัน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิด มะเร็งลำไส้ใหญ่ และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด


    เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 27/07/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา