โรคเบาหวานเมื่อไม่ควบคุมให้ดี จะส่งผลให้ขดเลือดที่ไตซึ่งทำหน้าที่ในการกรองของเสียทำงานผิดปกติ จึงทำให้ไตไม่สามารถขับของเสียและของเหลวส่วนเกินได้ตามปกติ ซึ่งในช่วงแรกมักจะยังไม่มีอาการผิดปกติแสดงให้เห็น แต่หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจทำให้มีอาการขาบวม หน้าบวม และ อ่อนเพลียได้ การตรวจเลือดเพื่อประเมินค่าการทำงานของไตอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาเบาหวาน ไม่น้อยไปกว่าการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดการ
เพราะเมื่อมีภาวะไตเสื่อมเรื้อรังแล้ว จะไม่สามารถรักษาให้ไตกลับมามีการทำงานที่ปกติตามเดิมได้ และหากไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที จนเกิดภาวะไตเสื่อมเรื้อรังระยะสุดท้าย จะจำเป็นต้องเข้ารับการฟอกเลือด หรือ เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไตในที่สุด
หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดหัวใจ
เมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างเรื้อรัง ส่งผลให้หลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงทั่วทั้งร่างกายเสื่อมลง ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งไม่ยืดหยุ่น เสี่ยงต่อการตีบและอุดตันได้ง่าย จึงทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานผิดปกติ และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ รวมไปถึงโรคของเส้นเลือดส่วนปลาย เช่น โรคหัวใจวายและหลอดเลือดในสมองแตก พบว่าผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดีจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ในการเกิดเส้นเลือดในสมองแตกและโรคหัวใจ เมื่อเทียบกับผู้ที่มีสุขภาพดี นอกจากนี้ โรคเส้นเลือดส่วนปลายยังอาจทำให้เกิดปัญหาที่ขาและเท้า จนอาจนำไปสู่การตัดอวัยวะได้
เนื่องจากภาวะแทรกซ้อนที่กล่าวมานั้น จัดเป็นภัยเงียบ ผู้ป่วยจึงอาจไม่ได้สังเกตหรือมีสัญญาณเตือนใด ๆ จนเมื่อมีภาวะหัวใจวายหรือเส้นเลือดในสมองแตก ไปแล้ว ส่วนโรคเส้นเลือดส่วนปลายอาจทำให้เกิดอาการ ปวด เป็นตะคริว ขาชาเส้นขนบริเวณนั้น ๆ ร่วว และ ผิวหนังส่วนดังเกล่าซีดลง ในบางครั้งอาจเกิดอาการอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเดิดการอุดตันของหลอดเลือดอย่างเฉียบพลัน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยสามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันมิให้เกิดปัญหาดังกล่าวนี้ได้ด้วยการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย