backup og meta

ยา ฉีด เบาหวาน มีอะไรบ้าง ก่อให้เกิดผลข้างเคียงอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์ · โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 29/09/2022

    ยา ฉีด เบาหวาน มีอะไรบ้าง ก่อให้เกิดผลข้างเคียงอย่างไร

    ยา ฉีด เบาหวาน เป็นยาฉีดสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งออกฤทธิ์หลักในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ยกตัวอย่างเช่น เช่น อินซูลิน ดูลากลูไทด์ (Dulaglutide) เทอซีพาไทด์ (Tirzepatide) หรือพรามลินไทด์ (Pramlintide) ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมโรคเบาหวานได้ดีขึ้น เพื่อป้องกันภาวะเเทรกซ้อนที่อาจตามมาได้

    ยา ฉีด เบาหวาน สำคัญอย่างไร

    เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง เกิดจากการที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ลดลงหรือไม่ได้เลย รวมทั้งเกิดจากร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งส่งผลให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดบกพร่อง และมีระดับน้ำตาลสะสมในเลือดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนสูงกว่าปกติ

    เมื่อน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับสูงเรื้อรังเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นโรคเส้นประสาทเสื่อม โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือภาวะเบาหวานขึ้นตา ซึ่งล้วนแต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

    ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นเบาหวานจึงควบควบคุมระดับน้ำตาลให้ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งในบางรายอาจจำเป็นต้องใช้ยาฉีดร่วมด้วย เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่ตามมาได้

    ยา ฉีด เบาหวาน มีอะไรบ้าง

    ยาฉีดเบาหวาน ในปัจจุบัน มีหลัก ๆ  2 ประเภท ได้เเก่  อินซูลิน และยากลุ่มจีเเอลพี – 1 (Glucagon-like Peptide 1 (GLP-1) Receptor Agonists) โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

    อินซูลิน

    ยาอินซูลิน หรือฮอร์โมนอินซูลินสังเคราะห์ ทำหน้าที่ออกฤทธิ์เช่นเดียวกับฮอร์โมนอินซูลินของร่างกายที่สร้างจากตับอ่อน คือ ควบคุม/ลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยกระตุ้นให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย นำน้ำตาลไปใช้เผาผลาญเป็นพลังงาน และนำน้ำตาลส่วนเกินไปเก็บสะสมไว้ยังตับ ในรูปของไกลโคเจน (Glycogen) เพื่อเป็นแหล่งพลังงานสำรอง

    ผู้ที่เป็นเบาหวานสามารถฉีดอินซูลินได้ด้วยตนเอง โดยฉีดบริเวณท้องแขนส่วนบน หน้าท้อง สะโพก หรือก้น โดยอุปกรณ์ที่ใช้ฉีดในปัจจุบันจะมาในรูปเเบบของ ปากกาฉีดอินซูลิน หรืออินซูลินปั๊ม (Insulin Pump) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา (อย่างไรก็ตาม สามารถฉีดโดยเข็มฉีดยาแบบดั้งเดิมได้เช่นกัน)

    สำหรับความถี่ในการฉีดอินซูลินนั้น จะแตกต่างกันไปในแต่ละราย และขึ้นกับชนิดของอินซูลินที่ใช้ ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาเลือกจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประวัติสุขภาพ อายุ โรคร่วม ระดับน้ำตาลในเลือด รวมไปถึงไลฟ์สไตล์

    ทั้งนี้ วิธีฉีดอินซูลินที่ถูกต้องคือการฉีดเข้าสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง มิใช่การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เพราะการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ อาจทำให้อินซูลินถูกดูดซึมเข้าสู่กระเเสเลือดเร็วเกินไป จนเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงเเก่ชีวิตได้

    การฉีดอินซูลินอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ได้เช่น

    • มีอาการคัน บวม หรือมีรอยแดงช้ำ บริเวณที่ฉีดอินซูลิน ทั้งนี้เเนะนำให้สลับเปลี่ยนตำเเหน่งผิวหนังบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันอาการดังกล่าว
    • เกิดอาการแพ้อินซูลิน เช่น ผื่นคัน หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว วิงเวียน/หน้ามืด
    • เกลือเเร่โพแทสเซียมต่ำ (Hypokalemia) เช่น ท้องอืด/ท้องผูก เป็นตะคริว กล้ามเนื้ออ่อนเเรง หัวใจเต้นผิดจังหวะ เเต่ภาวะนี้มักพบในผู้ที่ต้องได้รับอินซูลินทางหลอดเลือดดำ ซึ่งเป็นการใช้ยาในโรงพยาบาล

    ยากลุ่มจีเเอลพี 1

    ตัวอย่างยากลุ่มนี้เช่น

    • ดูลากลูไทด์ (Dulaglutide) – ฉีดสัปดาห์ละครั้ง
    • เอซีนาไทด์ (Exenatide) – มีทั้งชนิดฉีดสัปดาห์ละครั้ง เเละ วัน 2 ละครั้ง
    • ลิรากลูไทด์ (Liraglutide) – ฉีดวันละ 1 ครั้ง
    • เซมากลูไทด์ (Semaglutide) – ฉีดสัปดาห์ละครั้ง เเละมีรูปเเบบยารับประทานด้วย

    ยาทั้งหมดมีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งอินซูลิน ช่วยให้กระเพาะอาหารบีบตัวช้าลง จึงทำให้อิ่มท้องนานขึ้น เเละ ช่วยกระุตุ้นศูนย์ควบคุมความอิ่มในสมอง ทำให้ความอยากอาหารลดลง ดังนั้น นอกยาจะมีคุณสมบัติลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เเล้ว ยังมีผลช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย

    การฉีดยากลุ่มจีแอลพี 1 อาจมีผลข้างเคียง ดังนี้

    1. คลื่นไส้ ท้องอืด
    2. ท้องเสีย
    3. มึนงง ปวดหัว
    4. กรดไหลย้อน
    5. เบื่ออาหาร

    ทั้งนี้ อาการข้างเคียงเหล่านี้มักเป็นเพียงช่วงเเรกหลังเริ่มใช้ยา เเละทุเลาลงเองหลังจากใช้ยาไปแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์

    ในผู้ป่วยบางราย มีรายงานว่าการใช้ยากลุ่มนี้อาจเป็นสาเหตุของโรคตับอ่อนอักเสบได้ จึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

    นอกเหนือจากยาทั้ง 2 ประเภทที่กล่าวมาข้างต้น ยังมียาเทอซีพาไทด์ (Tirzepatide) ซึ่งเป็นตัวยารวมระหว่างยากลุ่มจีแอลพี 1 ข้างต้น ร่วมกับ จีไปพี ( Glucose-dependent insulinotropic polypeptide – GIP ) ซึ่งออกฤทธิ์้เสริมกันทั้งในเเง่การลดดระดับน้ำตาลในเลือด และ ลดความอยากอาหาร อีกทั้งยังมียาอีกกลุ่ม คือ ยาพรามลินไทด์ (Pramlintide) หรือฮอร์โมนอะไมลิน (Amylin) สังเคราะห์ ซึ่งจัดกลไกสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เช่นกัน อยู่ในกลุ่มยากระตุ้นตัวรับเปปไทด์ตัวเหมือนกลูคากอนชนิดที่ 1 และใช้รักษาโรคเบาหวานเช่นกัน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์

    โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 29/09/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา