backup og meta

อาหารคุมเบาหวาน มีเมนูอาหารอะไรบ้าง

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์ · โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 08/02/2023

    อาหารคุมเบาหวาน มีเมนูอาหารอะไรบ้าง

    เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีระดับน้ำตาลในเลือดจะสูง และหากไม่ควบคุมให้ดี อาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันมิให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนเกินไป นอกเหนือจากการออกกำลังกาย การรับประทานยาตามคุณหมอแนะนำอย่างเคร่งครัดแล้ว ผู้ที่เป็นเบาหวานยังควรเลือกรับประทาน อาหารคุมเบาหวาน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ขนมปังโฮลวีท ข้าวโพดต้ม อกไก่ย่าง มันอบ นมจืด ผักต้ม ที่จะช่วยให้สามารถควบคุมโรคเบาหวานได้ดียิ่งขึ้น

    ทำไมต้องรับประทาน อาหารคุมเบาหวาน

    เบาหวาน เป็นโรคที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในสมดุลปกติได้ และหากปล่อยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเรื่อย ๆ จะยิ่งเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคไต โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะเบาหวานขึ้นตา โรคปลายประสาทเสื่อม ทั้งยังเสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของความพิการหรือการเสียชีวิตได้

    ทั้งนี้ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว การปรับพฤติกรรมสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยควบคุมโรคเบาหวานให้ดีได้ในระยะยาว การเลือกรับประทานอาหารคุมเบาหวาน ซึ่งเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพและไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นสูงนับเป็นปัจจัยสำคัญ อีกทั้งยังควรออกกำลังกายเป็นประจำ และรับประทานยาหรือฉีดอินซูลินอย่างสม่ำเสมอด้วย

    อาหารคุมเบาหวาน มีอะไรบ้าง

    อาหารที่ควรรับประทานเมื่อเป็นโรคเบาหวาน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม มีดังต่อไปนี้

    • อาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่มีใยอาหาร (Fiber) สูง เช่น เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสาลี ควินัว ข้าวโพด ถั่วลันเตา เนื่องจากไฟเบอร์มีส่วนช่วยชะลอการดูดซึมของน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดได้ จึงช่วยทำให้ระดับน้ำตาลหลังรับประทานไม่เพิ่มสูงขึ้นรวดเร็วจนเกินไป
    • ไขมันไม่อิ่มตัว แนะนำให้ประกอบอาหารหรือรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งพบได้ในผลไม้และธัญพืช เช่น อะโวคาโด เมล็ดเจีย น้ำมันคาโนล่า น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ และถั่วชนิดต่าง ๆ เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (Low Density Lipoprotein หรือ LDL) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
    • ผักและผลไม้สดที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เนื่องจากอุดมไปด้วยใยอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินที่มีประโยชน์ รวมทั้งมีไขมันในระดับต่ำ อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงผักและผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง เช่น ลำไย เงาะ เมล่อน สับปะรด เพราะหากรับประทานในปริมาณมาก จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
    • โปรตีน ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ถั่ว หรือเต้าหู้ สามารถบริโภคได้ตามปกติ แต่ควรเลือกโปรตีนที่มีไขมันน้อย เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมันหรือติดหนัง ทั้งนี้ หากมีโรคไตร่วมด้วยควรปรึกษาคุณหมอหรือนักโภชนาการเกี่ยวกับปริมาณโปรตีนที่สามารถรับประทานได้ใน 1 วัน ผู้ที่เป็นโรคไตอาจต้องจำกัดการรับประทานโปรตีนในแต่ละวัน เพราะไตจะไม่สามารถขับของเสียที่เกิดจากเผาผลาญโปรตีนได้ตามปกติ ทำให้ของเสียคั่งและส่งผลให้ไตเสื่อมได้มากขึ้น
    • เครื่องดื่ม น้ำเปล่าเป็นเครื่องดื่มที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน แต่สามารถสลับดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาลได้ เช่น กาแฟดำ ชา

    เมนู อาหารคุมเบาหวาน มีอะไรบ้าง

    เมนูอาหารที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานขึ้นสูงมากจนเกินไป มีตัวอย่างดังนี้

    • ขนมปังโฮลวีท
    • ข้าวโพดต้มหรือข้าวโพดปิ้ง
    • ผัดบรอกโคลีกุ้ง
    • ไก่ย่างมะนาวอะโวคาโด
    • สลัดทูน่า
    • ฟักทองผัดไข่
    • ข้าวผัดธัญพืช
    • แซลมอนย่าง
    • ต้มจืด ต้มจับฉ่าย
    • ยำเห็ดรวม
    • ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น
    • ผัดถั่วฝักยาว
    • ข้าวผัดธัญพืช
    • ผัดหน่อไม้ฝรั่ง
    • มันเทศอบหรือเผา
    • ผักลวก ผักต้ม

    ทั้งนี้ นอกจากเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว ควรแบ่งสัดส่วนของอาหารในแต่ละมื้อให้เหมาะสมและหลากหลาย ดังนี้

  • รับประทานผักในอัตราส่วนครึ่งหนึ่งของมื้ออาหาร
  • รับประทานโปรตีนในสัดส่วนส่วน 1 ใน 4 ของมื้ออาหาร
  • รับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตในสัดส่วน 1 ใน 4 ของมื้ออาหาร
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานที่มีไขมันอิ่มตัวหรือรับประทานในปริมาณเล็กน้อย
  • อาจเสริมผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ หรือผลิตภัณฑ์จากนมในปริมาณเล็กน้อย เช่น ผลไม้ 1 ผล หรือ 4-5 ชิ้นเล็ก นม 1แก้ว เพิ่มได้ใน ในบางมื้ออาหาร
  • นอกจากนี้ หากคิดตามปริมาณพลังงานที่ควรได้รับในแต่ละวัน ผู้ป่วยเบาหวานควรบริโภคคาร์โบไฮเดรตไม่เกินครึ่งหนึ่งของปริมาณแคลอรี่ทั้งหมดที่ควรได้ โดยปริมาณแคลอรี่ที่คนไทยควรได้รับในแต่ละวัน (Thai RDA) ไม่ควรเกิน 2,000 กิโลแคลอรี่ ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตไม่เกิน 1,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์

    โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 08/02/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา