เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes Mellitus) เป็นภาวะที่ระดับกลูโคสหรือน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอ ผู้ป่วยโรคนี้จึงจำเป็นต้องฉีดอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet
เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes Mellitus) เป็นภาวะที่ระดับกลูโคสหรือน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอ ผู้ป่วยโรคนี้จึงจำเป็นต้องฉีดอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes Mellitus) เป็นภาวะที่ระดับกลูโคสหรือน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลิน ได้เพียงพอ ผู้ป่วยโรคนี้จึงจำเป็นต้องฉีดอินซูลินอย่างสม่ำเสมอเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ภาวะน้ำหนักเกิน โรคอ้วน หรืออายุ ไม่ถือว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และโรคเบาหวานชนิดนี้ มักถูกเรียกว่า “โรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น’ (Juvenile-onset diabetes) เพราะมักเกิดในเด็กและวัยรุ่นมากที่สุด
อินซูลิน (Insulin) มีความสำคัญในการควบคุมปริมาณน้ำตาลกลูโคสในเลือด เมื่อร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ตามปกติ และมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้กับอวัยวะสำหรับต่าง ๆ ได้ เช่น หัวใจ ดวงตา ตับ ระบบประสาท เหงือก ฟัน ผู้ป่วยโรคนี้จึงควรเข้ารับการรักษาพยาบาลอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อการควบคุมโรค และลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแทรกซ้อนได้
เบาหวานชนิดที่ 1 พบได้น้อยกว่าโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และมักจะเกิดกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาตับอ่อน หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 โรคนี้มักพบในเด็กและวัยรุ่น โดยเฉพาะเด็กอายุ 4-7 ปี และ 10-14 ปี
สัญญาณและอาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 อาจเกิดขึ้นเฉียบพลัน โดยอาการที่พบได้ทั่วไป ได้แก่
สำหรับผู้ป่วยบางราย อาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการอื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการต่าง ๆ โปรดปรึกษาแพทย์
หากสังเกตได้ถึงสัญญาณ หรืออาการตามรายละเอียดข้างต้น หรือมีข้อสงสัยใด ๆ โปรดปรึกษาแพทย์
ร่างกายของแต่ละคนแสดงอาการแตกต่างกัน จึงควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุด
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 มีสาเหตุมาจากเบต้าเซลล์ (Beta cells) ของตับอ่อนถูกระบบภูมิคุ้มกันทำลาย ตับอ่อนจึงผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอ เมื่อขาดอินซูลิน ร่างกายจึงไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ และกลายเป็นภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
โรคบางชนิด เช่น โรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic fibrosis) ที่ส่งผลกระทบต่อตับอ่อน การผ่าตัดนำตับอ่อนออก หรือการติดเชื้อที่ตับอ่อนขั้นรุนแรง ก็อาจส่งผลให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้เช่นกัน แต่สาเหตุเหล่านี้พบได้ไม่บ่อยนัก
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 1 มีหลายประการ เช่น
นอกจากปัจจัยเสี่ยงข้างต้นแล้ว ปัจจัยต่อไปนี้ ก็อาจทำให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้เช่นกัน แต่หลักฐานยืนยันยังไม่แน่ชัด และยังต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมต่อไปว่าเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จริงหรือไม่
ข้อมูลที่นำเสนอไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
แพทย์จะวินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 หากเข้าเกณฑ์ต่อไปนี้
หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ควรเข้าพบคุณหมอตามนัดหมายทุกครั้ง เพื่อตรวจสุขภาพ หรือรับคำแนะนำ ดังต่อไปนี้
นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรเข้ารับการตรวจสุขภาพตามรายการต่อไปนี้เป็นประจำทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งด้วย
การตรวจสุขภาพเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์ช่วยหาวิธีควบคุมโรคเบาหวาน และป้องกันอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ดีขึ้น
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 อาจเกิดได้ฉับพลันและรุนแรง ฉะนั้น หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ อาจต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และตรวจร่างกายทุกสัปดาห์ จนกว่าจะสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
วิธีรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่นิยมใช้ ได้แก่
1.อินซูลิน
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ให้หายขาดได้ อินซูลินจึงเป็นวิธีควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ผู้ป่วยสามารถฉีดอินซูลินได้ที่บ้าน ปกติแล้วฉีด 2-3 ครั้งต่อวัน แต่ควรสอบถามวิธีปรับขนาดยาอินซูลินกับแพทย์เป็นประจำ เพื่อจะได้เฝ้าสังเกตระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างเหมาะสม การใช้อินซูลินเกินขนาด อาจนำไปสู่ภาวะอันตรายอย่าง ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)
อินซูลินมีทั้งหลายประเภท เช่น
แพทย์อาจสั่งยาให้ผู้ป่วยแต่ละรายแตกต่างกันออกไป เพื่อให้เหมาะสมกับอาการโรคเบาหวานของผู้ป่วยรายนั้น ๆ มากที่สุด
2. อาหารที่ดีต่อสุขภาพ
อาหารที่ดีต่อสุขภาพจะช่วยควบคุมระดับของน้ำตาลกลูโคสในเลือด สิ่งสำคัญคือ ผู้ป่วยต้องควบคุมการบริโภคแป้งและน้ำตาลในอยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอ หากไม่แน่ใจว่าควรบริโภคอย่างไร ควรปรึกษานักโภชนาการ
3. การออกกำลังกาย
หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะการออกกำลังกายช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม ทั้งยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วย นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรดูแลเท้า และตรวจดวงตาเป็นประจำ เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนในอนาคต
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองตามเคล็ดลับต่อไปนี้ อาจช่วยให้รับมือกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้ดีขึ้น
หากคุณมีข้อสงสัย โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นถึงวิธีการรักษาที่ดีที่สุด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
Duangkamon Junnet
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย