backup og meta

Glycemic Index คือ อะไร เกี่ยวกับโรคเบาหวานอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์ · โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 07/02/2023

    Glycemic Index คือ อะไร เกี่ยวกับโรคเบาหวานอย่างไร

    Glycemic Index คือ ค่าดัชนีน้ำตาล ซึ่งเป็นค่าที่บ่งชี้ความสามารถของอาหารชนิดนั้น ๆ ว่าดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้วทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้เร็วหรือช้า โดยอาหารที่มีค่า Glycemic Index สูง จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้เร็วกว่าอาหารที่มีค่า Glycemic Index ต่ำกว่า ทั้งนี้ ผู้ป่วยเบาหวานควรเลือกรับประทานอาหารที่มีค่า Glycemic Index ต่ำ เพราะอาจช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารไม่สูงขึ้นมากเกินไป ควบคุมโรคเบาหวานได้ดี เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่อาจตามมาได้

    Glycemic Index คือ อะไร

    Glycemic Index (GI) คือ ค่าดัชนีน้ำตาล เป็นค่าที่บอกว่าอาหารแต่ละชนิดสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้เร็วหรือช้าหลังบริโภค ซึ่งจะเทียบกับการบริโภคน้ำตาลกลูโคส โดยแสดงเป็นตัวเลข 0-100 อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้เร็วกว่าอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำกว่า

    ทั้งนี้ ค่าดัชนีน้ำตาลอาจจำแนกกว้าง ๆ ได้เป็น 3 ระดับ คือค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ค่าดัชนีน้ำตาลปานกลาง และค่าดัชนีน้ำตาลสูง โดยสามารถแปลผลได้ดังนี้

  • อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ หมายถึง อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลไม่เกิน 55
  • อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลปานกลาง หมายถึง อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาล 59-69
  • อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง หมายถึง อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลมากกว่าหรือเท่ากับ 70
  • Glycemic Index เกี่ยวกับโรคเบาหวานอย่างไร

    เบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังที่ผู้ป่วยจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากความสามารถในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของร่างกายบกพร่อง

    เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน ผู้ป่วยควรเลือกรับประทานอาหารที่ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำหรือปานกลาง ร่วมกับการออกกำลังกายและการใช้ยา เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หรือป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงเกินไป เพราะหากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น โรคไต โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะเบาหวานขึ้นตา ปลายประสาทอักเสบ

    อาหารแต่ละชนิด มีค่า Glycemic Index เท่าไร

    อาหารที่นิยมรับประทานในชีวิตประจำวัน มีค่าดัชนีน้ำตาล ดังต่อไปนี้

    ค่า Glycemic Index ของผลไม้

    • เชอร์รี = 20
    • แอปเปิล = 36
    • ลูกแพร์ = 38
    • ส้ม = 40
    • พลัม = 40
    • สตรอว์เบอร์รี = 41
    • ลูกพีช = 42
    • กล้วยหอม = 51
    • มะม่วง = 51
    • สับปะรด = 59
    • แตงโม = 76

    ค่า Glycemic Index ของผัก

    • หัวหอม = 10
    • กะหล่ำปลี = 10
    • มะเขือเทศ = 15
    • แตงกวา = 15
    • บร็อคโคลี่ =I 15
    • พริกหวาน = 15
    • ผักชีฝรั่ง = 35
    • มันฝรั่ง = 80-90

    ค่า Glycemic Index ของธัญพืชและผลิตภัณฑ์จากธัญพืช

    • ข้าวบาร์เลย์ = 28
    • เส้นสปาเก็ตตี้โฮลวีท = 48
    • เส้นสปาเก็ตตี้จากแป้งขัดสี = 49
    • ขนมปังโฮลวีต = 74
    • ขนมปังขาว = 75

    ค่า Glycemic Index ของนมและผลิตภัณฑ์จากนม

    • โยเกิร์ต = 14
    • นมจืด = 27
    • นมถั่วเหลือง = 30
    • เนย = 50

    ค่า Glycemic Index ของของว่าง

    • ช็อกโกแลต = 40
    • มันฝรั่งทอดกรอบ = 56
    • น้ำอัดลม =59
    • ป๊อปคอร์น = 65

    ค่า Glycemic Index ของอาหารอื่น ๆ

    • เนื้อไก่ = 0
    • ไข่ไก่ = 0
    • ปลา = 0
    • เนื้อหมู = 0
    • เนื้อวัว = 0
    • น้ำมันหมู = 0
    • ถั่วต่าง ๆ = 0-22
    • มะม่วงหิมพานต์ = 22
    • เมล็ดทานตะวัน = 35

    ข้อควรรู้ ก่อนเลือกบริโภคอาหารโดยคำนึงถึง Glycemic Index คือ อะไร

    ก่อนเลือกรับประทานอาหาร ผู้ป่วยเบาหวานควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าดัชนีน้ำตาลเบื้องต้น ดังต่อไปนี้

    • ค่าดัชนีน้ำตาลไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าผู้ป่วยเบาหวานควรรับประทานอาหารแต่ละชนิดมากน้อยเพียงใด
    • ค่าดัชนีน้ำตาลไม่ใช่ตัวบ่งชี้คุณค่าทางโภชนาการของอาหาร
    • เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป ผู้ป่วยเบาหวานควรบริโภคอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำหรือปานกลาง
    • ควรหลีกเลี่ยงหรือรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงแต่น้อย และควรรับประทานอาหารที่ดัชนีน้ำตาลต่ำร่วมด้วยเพื่อให้อยู่ท้อง
    • อาหารที่มีใยอาหาร (Fiber) หรือมีสัดส่วนของไขมันสูงมักมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ แต่ไม่ได้หมายความว่าการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงจะดีต่อสุขภาพ
    • อาหารแปรรูปมักมีค่าดัชนีน้ำตาลสูงกว่าอาหารสด เช่น น้ำผลไม้และมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงกว่าผลไม้หรือมันฝรั่งสด
    • วิธีประกอบอาหารสัมพันธ์กับค่าดัชนีน้ำตาลในอาหารด้วย เช่น พาสต้าที่ใช้เวลาต้มนาน มีค่าดัชนีน้ำตาลที่สูงกว่าพาสต้าที่ต้มโดยใช้เวลาน้อยกว่า
    • นอกจากการคำนึงถึงค่าดัชนีน้ำตาลแล้ว ผู้ป่วยเบาหวานควรคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น ปริมาณอาหารที่รับประทาน ระดับแคลอรีที่ควรได้รับในแต่ละวัน สัดส่วนคาร์โบไฮเดรตในอาหาร

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์

    โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 07/02/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา