backup og meta

OGTT คือ อะไร สำคัญต่อการคัดกรองโรคเบาหวานอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์ · โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 02/05/2023

    OGTT คือ อะไร สำคัญต่อการคัดกรองโรคเบาหวานอย่างไร

    OGTT คือ การทดสอบความทนทานต่อน้ำตาลของร่างกาย เพื่อตรวจคัดกรองภาวะก่อนเบาหวาน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational diabetes) วิธีนี้เป็นการทดสอบความสามารถในการเผาผลาญน้ำตาลของร่างกาย หากมีระดับน้ำตาล OGTT สูงกว่าเกณฑ์ แสดงถึงร่างกายไม่สามารถจัดการกับน้ำตาลได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นความเสี่ยงในการเกิดภาวะก่อนเบาหวาน และโรคเบาหวาน ซึ่งการตรวจ OGTT ช่วยให้คุณหมอสามารถวางแผนการรักษาและให้คำแนะนำแก่ผู้ที่มีความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม

    OGTT คือ อะไร

    OGTT หรือ Oral glucose tolerance test คือ การทดสอบความทนทานต่อน้ำตาลของร่างกาย ผู้เข้ารับการตรวจจะต้องงดรับประทานอาหารเเละเครื่องดื่มที่ให้พลังงานก่อนการตรวจอย่างน้อย 8 ชั่วโมง จากนั้นจะเจาะเลือดตรวจค่าระดับน้ำตาลหลังอดอาหารก่อน แล้วจะให้ดื่มสารละลายกลูโคสเพื่อทดสอบการทนทานต่อน้ำตาลของร่างกาย จากนั้นจึงเจาะเลือดตรวจค่าระดับน้ำตาลซ้ำอีกครั้ง หากค่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เป็นสัญญาณบอกว่าผู้รับการทดสอบนั้นมีภาวะก่อนเบาหวานหรือเป็นโรคเบาหวานแล้ว

    ควรทดสอบความทนทานต่อน้ำตาลเมื่อใด

    แนะนำ การตรวจ OGTT ในผู้ที่มีภาวะสุขภาพดังต่อไปนี้

  • มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ (ค่าดัชนีมวลกาย   25 กก./ม2 ) หรือเป็นโรคอ้วน
  • มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน
  • เป็นโรคความดันโลหิตสูง
  • มีระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง
  • มีภาวะกลุ่มอาการถุงน้ำในรังไข่ (Polycystic ovarian syndrome)
  • ผู้ที่เคยเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือ เคยคลอดบุตรที่มีน้ำหนักแรกเกิดเกิน 4 กิโลกรัม
  • วิธีทดสอบความทนทานต่อน้ำตาล OGTT

    การทดสอบความทนทานต่อน้ำตาล สามารถทำได้ดังนี้

    บุคคลทั่วไป

    ผู้ที่จะเข้ารับการตรวจ OGTT จะต้องงดอาหารและเครื่องดื่มอื่นที่ให้พลังงาน ก่อนเข้ารับการทดสอบอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (แต่ไม่เกิน 14 ชั่วโมง)

    เมื่อถึงเวลานัด บุคลากรทางการแพทย์จะทำการเจาะเลือดครั้งที่1 เพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร  จากนั้นให้ผู้เข้ารับการตรวจดื่มสารละลายกลูโคสปริมาณ 75 กรัม แล้วรอเป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมง จึงเจาะเลือดครั้งที่ 2 เพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือดซ้ำอีกครั้งเพื่อวัดความทนทานต่อน้ำตาลของร่างกาย โดยในช่วงระยะเวลา 2 ชั่วโมงนี้ผู้เข้ารับการตรวจจะต้องงดอาหารเเละเครื่องดื่มด้วย

    หญิงตั้งครรภ์

    สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ส่วนมากเเล้วจะเข้ารับการตรวจ OGTT เมื่ออายุครรภ์ 24-28 สัปดาห์ เพื่อตรวจภาวะโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ โดยมีขั้นตอนแตกต่างจากบุคคลทั่วไปเล็กน้อยดังนี้

    ในขั้นแรกผู้เข้ารับการตรวจไม่ต้องงดอาหารมา โดยเมื่อถึงเวลานัด จะให้ดื่มสารละลายกลูโคสปริมาณ 50 กรัม แล้วรอเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะทำการเจาะเลือดตรวจค่าระดับน้ำตาล โดยหากมีระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มสารละลายกลูโคสไม่เกิน 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีความเสี่ยงในการเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เเต่หากมีระดับน้ำตาลหลังดื่มสารละลายกลูโคส มากกว่า 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ คุณหมอจึงจะนัดตรวจในขั้นที่ 2 อีกครั้ง 

    การตรวจในขั้นที่ 2 ผู้เข้ารับการตรวจจะต้องงดอาหารเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และจะทำการเจาะเลือดตรวจค่าระดับน้ำตาลในเลือดทั้งหมด 4 ครั้ง มีขั้นตอนดังนี้

    • เจาะเลือดครั้งที่ 1 เพื่อตรวจระดับน้ำตาลหลังงดอาหาร
    • ดื่มสารละลายกลูโคสปริมาณ 100 กรัม หลังจากนั้นรอเจาะเลือดตรวจระดับน้ำตาลหลังดื่มสารละลายกลูโคสไปแล้วที่ 1 2 และ 3 ชั่วโมงตามลำดับ
    • โดยระหว่างการเจาะเลือดเเต่ละครั้ง ผู้เข้ารับการตรวจจะยังต้องงดอาหารเเละเครื่องดื่มด้วย

    ค่า OGTT บ่งบอกภาวะทางสุขภาพได้อย่างไรบ้าง

    การทดสอบความทนทานต่อน้ำตาล หรือ OGTT สามารถบอกผลทางสุขภาพได้ดังนี้

    สำหรับบุคคลคนทั่วไป

  • หากระดับน้ำตาลหลังดื่มสารละลายกลูโคสน้อยกว่า 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แสดงถึงร่างกายมีความทนทานต่อน้ำตาลปกติ 
  • หากระดับน้ำตาลหลังดื่มสารละลายกลูโคสอยู่ระหว่าง 140-199 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แสดงถึงร่างกายมีความทนทานต่อน้ำตาลบกพร่อง มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน และอาจมีภาวะก่อนเบาหวาน (Prediabetes) ซึ่งคุณหมออาจแนะนำให้ทำการตรวจเพิ่มเติม รวมทั้งให้ออกกำลังกายและควบคุมอาหารเพื่อลดความเสี่ยงที่จะพัฒนาไปเป็นโรคเบาหวานในอนาคต
  • หากระดับน้ำตาลหลังดื่มสารละลายกลูโคสมีค่าตั้งเเต่ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป จะเข้าหนึ่งในเกณฑ์ของการวินิจฉัยโรคเบาหวาน 
  • สำหรับหญิงตั้งครรภ์

    • การตรวจขั้นที่1 (ดื่มสารละลายกลูโคส 50 กรัม) 
      • หากมีระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มสารละลายกลูโคส 1 ชั่วโมง ไม่เกิน 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีความเสี่ยงในการเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ 
      • หากระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มสารละลายกลูโคส 1 ชั่วโมง มีค่าสูงกว่า 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แสดงถึงอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ โดยคุณหมอจะนัดให้มารับการทดสอบขั้นที่ 2 เพิ่มเติม
  • การตรวจขั้นที่2 (ดื่มสารละลายกลูโคส 50 กรัม) 
  • เป็นการทดสอบเพิ่มเติม เพื่อวินิจฉัยโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์  หากผลตรวจในครั้งนี้สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดตั้งแต่ 2 ค่าขึ้นไป จะถือว่ามีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์

    • ระดับน้ำตาลในเลือดหลังงดอาหารควรน้อยกว่า 95 มิลลิกรัม/เดซิลิตร 
    • ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มสารละลายกลูโคส  1 ชั่วโมง ควรน้อยกว่า 180 มิลลิกรัม/เดซิลิตร 
    • ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มสารละลายกลูโคส  2 ชั่วโมง ควรน้อยกว่า 155 มิลลิกรัม/เดซิลิตร 
    • ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มสารละลายกลูโคส 3 ชั่วโมง ควรน้อยกว่า 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร 

    หากมีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เบื้องต้นคุณหมอจะแนะนำให้ควบคุมอาหาร โดยลดปริมาณอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตลงให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งเลือกรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เพื่อให้คุณแม่และทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรง และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์

    โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 02/05/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา