backup og meta

ปากเหี่ยวย่น สาเหตุ การรักษา และวิธีการป้องกัน

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 11/03/2022

    ปากเหี่ยวย่น สาเหตุ การรักษา และวิธีการป้องกัน

    ปากเหี่ยวย่น มีริ้วรอยชัดเจน ไม่เรียบเนียน อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ แสงแดด การสูบบุหรี่ การเคลื่อนไหวแบบเดิมซ้ำ ๆ ทำให้เกิดปัญหาริมฝีปากย่นไม่เรียบสวย การดูแลริมฝีปากอย่างเหมาะสม เช่น ทาลิปบาร์ม ขัดริมฝีปาก ทาครีมกันแดด หรือทำตามคำแนะนำของคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ อาจช่วยแก้ไขปัญหาริมฝีปากเหี่ยวย่นได้

    สาเหตุที่ทำให้ ปากเหี่ยวย่น

    ปากเหี่ยวย่น มีริ้วรอย อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่พบได้บ่อย ได้แก่

    ความแก่ชรา

    เมื่ออายุเกิน 20 ปี ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนน้อยลงประมาณ 1% ทุกๆ ปี เมื่อปริมาณคอลลาเจนในผิวลดลง ผิวหนังก็จะเริ่มบางและสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้ผิวหนังทั่วร่างกาย รวมถึงบริเวณริมฝีปากที่เคยเต่งตึง เรียบเนียนในช่วงวัยรุ่นเริ่มมีรอยเหี่ยวย่น นอกจากคอลลาเจนในผิวจะลดลงแล้ว ผิวหนังที่แก่ไปตามวัยก็ยังผลิตน้ำมันได้น้อยลง จนส่งผลให้ปากแห้งแตก และยิ่งดูไม่เรียบเนียน

    การสัมผัสแสงแดด

    ถึงแม้จะทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แต่ผิวหนังบริเวณหนึ่งที่คนเรามักจะลืมปกป้องจากแสงแดดก็คือผิวหนังบริเวณริมฝีปากนั่นเอง เมื่อผิวบริเวณที่บอบบางอย่างริมฝีปากถูกแสงยูวีในแสงแดดทำร้าย โดยเฉพาะรังสียูวีเอ (UVA) คอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูรอนิกในผิวหนังก็จะเริ่มเสื่อมสลาย อีกทั้งอนุมูลอิสระยังทำให้เซลล์ผิวหนังอ่อนแอลง จนริมฝีปากเหี่ยวย่น ไม่เต่งตึงได้

    รูปแบบการเคลื่อนไหวซ้ำๆ

    รอยย่นที่ริมฝีปากก็เหมือนริ้วรอยที่เกิดจากอากัปกิริยา (Dynamic Wrinkles) อื่นๆ เช่น ริ้วรอยร่องแก้ม รอยย่นที่หว่างคิ้ว เมื่อเราเคลื่อนไหวริมฝีปากซ้ำๆ เช่น กิน หัวเราะ ยิ้ม ทำปากจู๋ จะทำให้กล้ามเนื้อปากหดตัว เมื่อเป็นแบบนี้นานๆ เข้า จึงทำให้เกิดปากเหี่ยวย่น มีริ้วรอย ร่องลึกอย่างถาวร

    การสูบบุหรี่

    การสูบบุหรี่เป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำให้ริมฝีปากเหี่ยวย่น ไม่เต่งตึง เพราะนอกจากท่าทางในการสูบบุหรี่จะส่งผลกระทบกับกล้ามเนื้อปากแล้ว การหายใจเอาควันบุหรี่เข้าไปมากๆ ยังทำให้เกิดภาวะเครียดออกซิเดชัน หรือภาวะความไม่สมดุลกันของการเกิดอนุมูลอิสระ (Oxidative Stress) ที่ส่งผลให้ผิวแก่เร็ว ริมฝีปากมีร่องลึก เหี่ยวย่น ดูไม่เต่งตึง

    วิธีป้องกันและลด รอยเหี่ยวย่นบนริมฝีปาก

    วิธีดูแลตัวเอง

    ผลัดเซลล์ผิวบริเวณริมฝีปาก

    หากปากแห้งแตก หรือลอกเป็นขุย อาจทำให้ปากยิ่งดูเหี่ยวย่นมีริ้วรอยชัดเจน การผลัดเซลล์ผิวด้วยการสครับริมฝีปากเป็นประจำทุกวัน เช่น สครับด้วยน้ำตาลทรายแดงผสมน้ำผึ้ง ใช้แปรงสีฟันขัดริมฝีปากเบาๆ จะช่วยขจัดเซลล์ผิวริมฝีปากที่เสื่อมสภาพและแห้งลอก ทำให้ปากดูนุ่มเนียน และดูสุขภาพดีขึ้น

    ทาลิปบาล์มเป็นประจำ

    หลังจากสครับริมฝีปากแล้ว ควรทาลิปบาล์มหรือลิปบำรุงริมฝีปาก เพื่อให้ปากชุ่มชื้นไม่แห้งลอก หรือเหี่ยวย่น สำหรับตอนกลางวันควรเลือกใช้ลิปบาล์มหรือลิปมันกันแดด จะได้ปกป้องผิวบริเวณริมฝีปากไม่ให้ถูกรังสียูวีทำร้ายจนปากเหี่ยวย่น ส่วนกลางคืนก็อาจทาลิปบาล์มที่เนื้อเข้มข้นขึ้น หรือน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว เพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้นตลอดคืน ตื่นมาปากจะได้ดูเรียบเนียน อวบอิ่ม ทาลิปสติกออกมาสวย

    ทาครีมกันแดดทุกวัน

    แม้จะไม่ควรทาครีมกันแดดที่บริเวณริมฝีปากโดยตรง แต่ก็ควรทาครีมกันแดดให้ทั่วใบหน้า ใบหู และลำคอ รวมถึงผิวบริเวณรอบริมฝีปากเป็นประจำทุกวัน เพื่อปกป้องผิวไม่ได้ถูกทำร้ายจากรังสียูวี โดยผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ (SPF) อย่างน้อย 30 โดยทาก่อนออกแดด 15 นาที และทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง และทางที่ดี ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดในช่วงแดดจัด คือ ประมาณ 10.00-14.00 น.

    วิธีรักษาปากเหี่ยวย่นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

    ฉีดโบท็อกซ์

    การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) หรือสารโบทูลินั่ม (Botulinum) เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่นิยมใช้ในการลดเลือนริ้วรอยบนริมฝีปาก ช่วยยกกระชับผิว และทำให้ผิวแลดูเรียบเนียนขึ้น เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่ผิวหนังบริเวณริมฝีปาก โบท็อกซ์จะไปทำให้กล้ามเนื้อรอบริมฝีปากเคลื่อนไหวได้น้อยลง เมื่อเคลื่อนไหวน้อย ริ้วรอยก็ลดลง โดยปกติแล้ว ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังฉีดโบท็อกซ์ และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 3-5 วัน จึงเหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการให้ริมฝีปากเรียบเนียนขึ้นแบบทันใจ แต่ควรเลือกสถานประกอบการที่น่าเชื่อถือ และปรึกษาแพทย์ให้ดีก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ จะได้ลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง และให้ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจที่สุด

    เลเซอร์ผิว

    การเลเซอร์ผิวเพื่อรักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปาก สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่

    • เลเซอร์ที่ทำให้เกิดแผล หรือเกิดอาการลอก (Ablative Laser Resurfacing) เป็นการฉายแสงเลเซอร์ที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวลงไปบนผิวหนัง เพื่อทำให้เกิดแผลเล็กๆ บนผิวหนัง ตั้งแต่ชั้นกำพร้าลงไปจนชั้นหนังแท้แล้วแต่ที่ต้องการ เพื่อให้เกิดการซ่อมแซมผิวใหม่ เหมาะสำหรับปากเหี่ยวย่นมาก แต่มีข้อเสียคือ หลังทำแล้วต้องดูแลรักษาเป็นอย่างดีมาก และอาจเกิดผลข้างเคียงได้
    • เลเซอร์ที่ไม่ทำให้เกิดแผล หรือผิวหนังไม่ลอก (Non-ablative laser Resurfacing) แสงเลเซอร์ชนิดนี้จะปล่อยพลังงานความร้อนไปยังคอลลาเจนที่อยู่ในผิวส่วนลึกหรือชั้นหนังแท้ เพื่อกระตุ้นให้สร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ได้ดีขึ้น และเซลล์ผิวหนังจัดเรียงตัวใหม่อย่างมีระเบียบ ทำให้ผิวหนังตึงและเรียบเนียนขึ้น รอยเหี่ยวย่นจึงจางลง วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีปัญหาปากเหี่ยวย่นไม่มาก แม้จะไม่ทำให้เกิดแผล แต่ก็มีข้อเสียคือต้องทำซ้ำหลายครั้งจึงจะเริ่มเห็นผล ไม่ได้เห็นผลทันตา 

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 11/03/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา