backup og meta

Hypokalemia อาการ สาเหตุ และการป้องกัน

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 18/01/2023

    Hypokalemia อาการ สาเหตุ และการป้องกัน

    Hypokalemia คือ อาการโพแทสเซียมในเลือดต่ำ อาจเกิดขึ้นจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การใช้ยาขับปัสสาวะ ท้องร่วง อาเจียน โรคไตเรื้อรัง หรืออาจเกิดจากการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ โดยปกติแล้วโพแทสเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาทและเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย หากร่างกายมีระดับโพแทสเซียมต่ำเกินไปอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ ที่สังเกตได้จาก อาการเหนื่อยล้าง่าย หัวใจเต้นผิดปกติ ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ เป็นต้น ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน รวมถึงเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการรักษา

    Hypokalemia คืออาการอะไร

    Hypokalemia คือ อาการโพแทสเซียมในเลือดต่ำ ที่เกิดขึ้นเมื่อระดับโพแทสเซียมในเลือดน้อยกว่า 2.5 มิลลิโมล/ลิตร จากระดับปกติที่ควรอยู่ที่ประมาณ 3.6-5.2 มิลลิโมล/ลิตร ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ท้องเสีย หายใจลำบาก ค่าความเป็นกรด-ด่างในเลือดไม่สมดุล หัวใจเต้นผิดจังหวะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาตชั่วคราว ไตวาย และอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ เนื่องจากโพแทสเซียมมีบทบาทสำคัญต่อร่างกายเพื่อช่วยควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ อัตราการการเต้นของหัวใจ ระบบประสาท ความดันโลหิต และความสมดุลของความเป็นกรด-ด่างในร่างกาย

    สาเหตุของ Hypokalemia

    ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

    • โรคไตเรื้อรัง
    • การทำงานของต่อมหมวกไตบกพร่อง
    • มีอาการอาเจียนและท้องร่วงผิดปกติ
    • เหงื่อออกมากเกินไป
    • ภาวะเลือดเป็นกรด (Diabetic ketoacidosis) โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน
    • สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
    • ร่างกายขาดกรดโฟลิก (Folic Acid) แมกนีเซียม เนื่องจากสารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยในการดูดซึมโพแทสเซียมเข้าสู่เซลล์ หากร่างกายมีระดับโฟลิกและแมกนีเซียมต่ำ อาจทำให้เสี่ยงภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำได้
    • การดูดซึมสารอาหารผิดปกติ
    • การใช้ยาขับปัสสาวะ ยารักษาโรคหอบหืด และยาปฏิชีวนะ เช่น ยากลุ่มเพนิซิลลิน (Penicillin) แอมโฟเทอริซิน บี  (Amphotericin B) ยากลุ่มไธอะไซด์ไดยูเรติก (Thiazide Diuretics) และฟูโรซีไมด์ (Furosemide)
    • ภาวะอัลโดสเตอโรนสูง (Primary Aldosteronism) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากการที่ต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมนแอลโดรสเตอโรนมากเกินไป ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงและโพแทสเซียมต่ำลง

    นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นกลุ่มอาการคุชชิง (Cushing’s syndrome) กลุ่มอาการจิเทลแมน (Gitelman Syndrome) กลุ่มอาการลิดเดิล (Liddle Syndrome) กลุ่มอาการบาร์ตเตอร์ (Bartter Syndrome) กลุ่มอาการแฟนโคนี (Fanconi Syndrome) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากความผิดปกติของไต ก็อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโพแทสเซียมต่ำได้เช่นกัน

    Hypokalemia มีอาการอย่างไร

    อาการของ Hypokalemia มีดังนี้

    • เหนื่อยล้าง่ายและอ่อนเพลีย
    • อาเจียน
    • วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด
    • ปัสสาวะบ่อย
    • กระหายน้ำมาก
    • เบื่ออาหาร
    • จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ ใจสั่น
    • กล้ามเนื้ออ่อนแรง บางคนอาจมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกและเป็นตะคริว
    • ท้องผูก หรือท้องเสีย

    หากสังเกตว่ามีอาการหายใจลำบาก แขนขาชา อัมพาต ลำไส้แปรปรวน หัวใจเต้นเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป ควรเข้าพบคุณหมอทันที

    การรักษา อาการ Hypokalemia

    การรักษา อาการ Hypokalemia มีดังนี้

    • หยุดหรือลดปริมาณยาที่อาจทำให้โพแทสเซียมต่ำ โดยควรขอคำปรึกษาจากคุณหมอ ไม่ควรหยุดยาเอง เพราะอาจทำให้โรคที่เป็นอยู่มีอาการรุนแรงขึ้น
    • รับประทานอาหารเสริมโพแทสเซียม ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำถึงปานกลาง
    • ฉีดโพแทสเซียมเข้าสู่หลอดเลือดดำ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำที่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเต้นผิดปกติและร่างกายไม่ตอบสนองต่อการรับประทานอาหารเสริมโพแทสเซียม

    การป้องกัน อาการ Hypokalemia

    โดยปกติแล้ว ผู้หญิงควรได้รับโพแทสเซียมประมาณ 2,600 มิลลิกรัม/วัน และผู้ชายควรได้รับโพแทสเซียมประมาณ 3,400 มิลลิกรัม/วัน เพื่อป้องกัน อาการ Hypokalemia ดังนั้น จึงควรรับเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม ดังนี้

    • อะโวคาโด
    • กล้วย
    • กีวี่
    • ส้ม
    • แคนตาลูป
    • ผักโขม
    • มะเขือเทศ
    • ฟักทอง
    • มันฝรั่ง
    • แตงกวา
    • บร็อคโคลี่
    • บวบ
    • เห็ด
    • ถั่วเหลือง
    • ปลาทูน่า
    • ปลาเทราท์
    • ข้าวกล้อง
    • ลูกพรุนแห้ง
    • น้ำมะพร้าว
    • น้ำส้ม
    • เนื้อสัตว์ปีกหรือเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน

    จากการศึกษาในวารสาร Advances in Nutrition  เมื่อปี พ.ศ. 2556 ที่ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโพแทสเซียมและสุขภาพ พบว่า การบริโภคอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิด อาการ Hypokalemiaหรือภาวะโพแทสเซียมต่ำ และช่วยลดความดันโลหิต ช่วยรักษามวลกระดูก ช่วยควบคุมการทำงานของหัวใจ และอาจช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้

    นอกจากนี้ ยังควรหยุดหรือลดปริมาณยารักษาโรคที่อาจทำให้โพแทสเซียมในเลือดลดลง โดยควรขอคำปรึกษาคุณหมอ ไม่ควรหยุดยาเอง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 18/01/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา