ข้อบ่งใช้
ยาคลินดามัยซินใช้สำหรับ
คลินดามัยซิน (clindamycin) ใช้เพื่อรักษาสิว ยานี้ช่วยลดจำนวนสิว เป็นยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ยาคลินดามันซินอยู่ในกลุ่มของยาที่เรียกว่ายาลินโคซาไมด์ (lincosamide)
วิธีการใช้ยาคลินดามัยซิน
รับประทานยาคลินดามัยซินตามที่แพทย์สั่ง ทำตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด ห้ามใช้ยานี้ในปริมาณมากหรือน้อยเกินไป รวมถึงนานเกินไปกว่าที่แพทย์แนะนำ
รับประทานแคปซูลพร้อมกับน้ำ 1 แก้วเต็ม เพื่อป้องกันไม่ให้ระคายเคืองคอ
วัดขนาดยาน้ำโดยใช้ไซริงค์ที่ให้มาด้วย หรือช้อนตวงยาโดยเฉพาะ หรือถ้วยตวงยา หากคุณไม่มีอุปกรณ์เพื่อตวงยา ถามเภสัชกรเพื่อซื้ออุปกรณ์เหล่านี้
ยาคลินดามัยซินบางครั้งสามารถให้โดยการฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อ หรือหลอดเลือดดำ คุณอาจจะเรียนรู้วิธีฉีดยาที่บ้าน ห้ามฉีดยานี้ด้วยตนเองหากคุณไม่เข้าใจวิธีฉีด ควรทิ้งเข็มฉีดยา หลอดฉีด หรืออุปกรณ์อื่นสำหรับฉีดยาที่ใช้แล้วอย่างเหมาะสม สอบถามเภสัชกรเกี่ยวกับสถานที่และวิธีการทิ้ง เก็บภาชนะดังกล่าวให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
เพื่อให้มั่นใจว่า ยานี้ไม่ได้ทำให้เกิดผลที่อันตราย คุณจำเป็นต้องตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอระหว่างใช้ยา
ใช้ยาคลินดามัยซินให้ครบตามที่แพทย์สั่ง อาการอาจดีขึ้นก่อนที่ร่างกายจะกำจัดเชื้อโรคได้ทั้งหมด การไม่ใช้ยาตามแพทย์สั่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้ร่างกายติดเชื้อซึ่งดื้อต่อยาปฏิชีวนะ ยาคลินดามัยซินไม่ใช้รักษาการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดธรรมดา
วิธีการเก็บรักษายาคลินดามัยซิน
ยาคลินดามัยซินควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาคลินดามัยซินบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งยาคลินดามัยซินลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาคลินดามัยซิน
ก่อนตัดสินใจใช้ยานี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยคุณจำเป็นต้องพิจารณาถึง
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณเคยมีอาการผิดปกติหรืออาการแพ้ยานี้ รวมถึงยาชนิดอื่น หากคุณแพ้สิ่งใดๆ เช่น อาหาร สารย้อมสี วัตถุกันเสีย และสัตว์ควรแจ้งให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทราบ สำหรับยาที่ขายตามร้านขายยา ควรอ่านฉลากหรือส่วนผสมบนผลิตภัณฑ์อย่างระมัดระวัง
เด็ก
มีการศึกษาการใช้ยานี้เฉพาะในผู้ใหญ่ และไม่ได้มีข้อมูลเฉพาะที่เปรียบเทียบการใช้ยานี้ ในเด็กที่มีอายุไม่เกิน 12 ปี กับกลุ่มอายุอื่น
ยังไม่มีการศึกษาการใช้ยานี้ในผู้สูงอายุ จึงไม่อาจทราบแน่ชัดว่า ยาเหล่านี้ออกฤทธิ์อย่างเดียวกับคนวัยหนุ่มสาวหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่มีข้อมูลชี้ชัดเกี่ยวกับการใช้ยาในผู้สูงอายุ โดยเปรียบเทียบกับกลุ่มวัยอื่น แต่ก็ไ่ได้หมายความว่า ยานี้จะทำให้เกิดผลข้างเคียงในผู้สูงอายุต่างจากคนวัยหนุ่มสาว
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาคลินดามัยซินจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด B โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A = ไม่มีความเสี่ยง
- B = ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C = อาจจะมีความเสี่ยง
- D = มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X = ห้ามใช้
- N = ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาคลินดามัยซิน
เข้ารับการรักษาพยาบาลทันทีหากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ดังนี้
- ลมพิษ
- หายใจลำบาก
- หน้า ริมฝีปาก ลิ้นหรือคอบวม
หยุดใช้ยานี้และปรึกษาแพทย์ทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ดังนี้
- ถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือถ่ายเป็นเลือด
- ดีซ่าน (ตาเหลืองหรือผิวเหลือง)
- ปัสสาวะน้อยกว่าปกติหรือไม่ปัสสาวะเลย
- เป็นไข้ ตัวสั่น ปวดตามร่างกาย มีอาการของไข้หวัดใหญ่ เจ็บปากหรือคอ
- ช้ำง่าย เลือดออกผิดปกติ (ที่จมูก ปาก ช่องคลอดหรือทวารหนัก) มีรอยม่วงหรือจุดแดงเล็กๆ ใต้ผิวหนัง หรือ
- อาการแพ้ที่ผิวหนังอย่างรุนแรง เป็นไข้ เจ็บคอ หน้าหรือลิ้นบวม แสบตา เจ็บผิวหนัง ตามด้วยการมีผื่นแดงหรือม่วงตามผิวที่ลุกลาม (โดยเฉพาะที่หน้าหรือร่างกายส่วนบน) และทำให้เกิดแผลพุพองและผิวลอก
ผลข้างเคียงที่รุนแรงอาจรวมถึง
- การเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่ายอุจจาระ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
- คลื่นไส้เล็กน้อย อาเจียนหรือปวดท้อง
- ปวดข้อต่อ
- คันบริเวณช่องคลอดและมีตกขาว
- ผื่นหรือคันเล็กน้อย หรือ
- แสบหน้าอก ระคายเคืองคอ
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาคลินดามัยซินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ และอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
การใช้ยาคลินดามัยซินพร้อมกับยาอะทราคูเรียม (Atracurium) ยาเมโทคูรีน (Metocurine) ยาทูโบคูรารีน (Tubocurarine) อาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงบางอย่าง แต่หากการใช้ยาทั้งสองชนิดอาจเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ แพทย์จำต้องจ่ายยาทั้งสองชนิดโดยอาจเปลี่ยนขนาดยาหรือความถี่ในการใช้ยาใดยาหนึ่ง หรือยาทั้งสองชนิด
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาคลินดามัยซินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาคลินดามัยซินอาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณ อาจทำให้สุขภาพของคุณย่ำแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะ
- ประวัติโรคที่กระเพาะอาหารหรือลำไส้ โดยเฉพาะ โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ รวมถึงโรคลำไส้ใหญ่อักเสบที่เกิดจากยาปฏิชีวนะ หรือโรคลำไส้เล็กอักเสบ อาการเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่อาจส่งผลต่อกระเพาะอาหารและลำไส้
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาคลินดามัยซินสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับภาวะติดเชื้อระดับรุนแรง
- รับประทานยา : 150 ถึง 300 มิลลิกรัมทุก 6 ชั่วโมง
- ฉีดเข้าหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อ : 600 ถึง 1200 มิลลิกรัม โดยแบ่งฉีดเป็น 2 ถึง 4 ครั้ง ต่อวัน ในขนาดที่เท่ากัน
ขนาดยาสำหรับภาวะติดเชื้อระดับรุนแรงกว่า
- ฉีดเข้าหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อ : 1,200 ถึง 2,700 มิลลิกรัม โดยแบ่งฉีดเป็น 2 ถึง 4 ครั้ง ต่อวัน ในขนาดที่เท่ากัน
ขนาดยาสำหรับภาวะติดเชื้อระดับรุนแรงกว่านั้น
- รับประทานยา : 300 ถึง 450 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง
- ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ : ให้สารละลายของยา ไม่เกิน 4800 มิลลิกรัมต่อวัน
ขนาดยาคลินดามัยซินสำหรับเด็ก
น้ำหนัก 10 กิโลกรัมหรือต่ำกว่า
ขนาดยาที่น้อยที่สุดที่แนะนำ : รับประทานยา 37.5 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง
น้ำหนัก 11 กิโลกรัมหรือมากกว่า
การติดเชื้อระดับรุนแรง : รับประทานยา 8 ถึง 12 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน โดยแบ่งให้เป็น 3 ถึง 4 ครั้งเท่าๆ กัน
การติดเชื้อระดับรุนแรงกว่า : รับประทานยา 13 ถึง 16 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน โดยแบ่งให้เป็น 3 ถึง 4 ครั้งเท่าๆ กัน
การติดเชื้อระดับรุนแรงกว่านั้น : รับประทานยา 17 ถึง 25 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน โดยแบ่งให้เป็น 3 ถึง 4 ครั้งเท่าๆ กัน
ทางเลือกของการให้ยาแบบอื่นๆ
การติดเชื้อระดับรุนแรง : รับประทานยา 8 ถึง 16 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน โดยแบ่งให้เป็น 3 ถึง 4 ครั้งเท่าๆ กัน
การติดเชื้อระดับรุนแรงกว่า : รับประทานยา 16 ถึง 20 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน โดยแบ่งให้เป็น 3 ถึง 4 ครั้งเท่าๆ กัน
การให้ยาทางหลอดเลือด
อายุไม่เกิน 1 เดือน : ให้สารละลายของยา 15 ถึง 20 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมทางหลอดเลือดดำ (Intravenous Infusion) ขนาดยาที่ต่ำกว่าอาจเพียงพอสำหรับทารกแรกเกิดที่คลอดก่อนกำหนด
อายุ 1 เดือนถึง 16 ปี
ขนาดยาตามน้ำหนักตัว : ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อ 20 ถึง 40 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม โดยแบ่งให้เป็น วันละ 3 ถึง 4 ครั้งเท่าๆ กัน หากระดับความการติดเชื้อรุนแรงมากขึ้น อาจต้องใช้ขนาดยาในการรักษาที่มากขึ้น
ขนาดยาตามพื้นที่ผิวร่างกาย
การติดเชื้อระดับรุนแรง : ฉีดยา วันละ 350 มิลลิกรัมต่อตารางเมตรเข้าทางหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อ
การติดเชื้อระดับรุนแรงกว่า : ฉีดยา วันละ 450 มิลลิกรัมต่อตารางเมตรเข้าทางหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อ
อายุ 17 ปีขึ้นไป : ใช้ขนาดยาปกติสำหรับผู้ใหญ่
ระยะเวลา : อย่างน้อย 10 วันสำหรับการติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัสชนิดเบต้าฮีโมลัยติค (beta-hemolytic streptococcal infection)
รูปแบบของยา
ยาคลินดามัยซินมีรูปแบบดังต่อไปนี้
- แคปซูล 75 มิลลิกรัม 150 มิลลิกรัมและ 300 มิลลิกรัม
- เจล
- แผ่นแปะ
- ยาน้ำ
- โลชั่น
กรณีฉุกเฉินหรือการใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
อ่านเพิ่มเติม:
Review Date: กรกฎาคม 23, 2018 | Last Modified: พฤศจิกายน 20, 2019