
ข้อบ่งใช้ พาราเซตามอล
ยา พาราเซตามอล ใช้สำหรับ
พาราเซตามอล (Paracetamol) ใช้เป็นยาบรรเทาอาการปวดและลดไข้ ใช้เพื่อรักษาอาการต่างๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ข้ออักเสบ (Arthritis) ปวดหลัง ปวดฟัน เป็นไข้และไข้หวัด
ยาพาราเซตามอล อาจสามารถใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น นอกเหนือจากที่กล่าวไปได้อีกด้วย
วิธีการใช้ยา พาราเซตามอล
- รับประทานยานี้ตามที่กำหนด
- ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด
- หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลนี้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
การเก็บรักษายาพาราเซตามอล
ควรเก็บยาพาราเซตามอลไว้ในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยาพาราเซตามอลในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาพาราเซตามอลบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาพาราเซตามอลลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อสินค้าหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาพาราเซตามอล
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งแพทย์ในกรณีต่อไปนี้
- หากคุณแพ้ยานี้ หรือมีโรคภูมิแพ้อื่นๆ
- ประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะโรคตับ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือดื่มมากเกินไป
- หากคุณเป็นโรคฟีนิลคีโตนูเรีย (phenylketonuria) หรือเป็นโรคเบาหวาน ยาพาราเซตามอลแบบเคี้ยวบางยี่ห้อ อาจเพิ่มความหวานด้วยสารให้ความหวานแอสปาร์แตม
- หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรขณะใช้อะเซตามีโนเฟน (acetaminophen) ควรปรึกษากับแพทย์
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเพียงพอ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยาพาราเซตามอล ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาความเสี่ยงของการใช้ยา ยาพาราเซตามอลจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท B จัดโดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ มีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ยาต้องห้าม
- N= ไม่มีข้อมูลเพียงพอ
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยา
โดยปกติแล้วยานี้จะไม่มีผลข้างเคียง หากคุณมีอาการที่ไม่ปกติใดๆ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
อาการแพ้ยาที่รุนแรงมากและหาได้ยากมีดังนี้
- อุจจาระเป็นสีเลือดหรือสีดำ
- ปัสสาวะสีเลือดหรือสีขุ่น
- เป็นไข้ โดยอาจจะมีอาการหนาวสั่น หรือไม่มีก็ได้ (ไม่มีอาการนี้ก่อนการรักษา และไม่ได้มีสาเหตุมาจากอาการที่กำลังรักษา)
- ปวดหลังส่วนล่างหรือด้านข้าง (ปวดรุนแรง และ/หรือ เจ็บแปลบ)
- มีผื่นแดง บนผิวหนัง
- ผิวหนังมีผดผื่น ลมพิษ คือคัน
- เจ็บคอ (ไม่มีอาการนี้ก่อนการรักษา และไม่ได้มีสาเหตุมาจากอาการที่กำลังรักษา)
- มีบาดแผลหรือจุดขาวบริเวณริมฝีปากและภายในช่องปาก
- ปัสสาวะลดลงอย่างกะทันหัน
- มีเลือดออกหรือรอยช้ำอย่างผิดปกติ
- รู้สึกเหนื่อยล้าหรืออ่อนแรงอย่างผิดปกติ
- ดวงตาและผิวหนังเป็นสีเหลือง
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาหมอของคุณ
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาพาราเซตามอลอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง
- อาจจะลดระดับยาของยาต้านชัก เช่น เฟนิโทอิน (phenytoin) บาร์บิทูเรต (barbiturates) คาร์บามาเซพีน (carbamazepine)
- อาจจะเพิ่มประสิทธิภาพของยาต้านการแข็งตัวของเลือดอย่าง วาฟาริน (warfarin) และคูมาริน (coumarin) ชนิดอื่นๆ และการใช้ในระยะยาว
- ช่วยเร่งการดูดซึมของเมโทโคลพราไมด์ (Metoclopramide) และดอมเพอริโดน (Domperidone)
- อาจจะเพิ่มระดับยาของโพรเบเนซิด (Probenecid) คลอแรมเฟนิคอล (chloramphenicol)
- อาจจะลดการดูดซึมของคอเลสไทรามีน (cholestyramine)
- อาจจะทำให้เกิดภาวะตัวเย็นเกิน (hypothermia) อย่างรุนแรงกับยาฟีโนไทอาซีน (phenothiazine)
เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยา โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาพาราเซตามอลอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาพาราเซตามอลอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการใช้ยานี้
ขนาดยาพาราเซตามอลสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาเพื่อรักษาไข้หรืออาการปวด
รับประทาน:
- ยาแบบออกฤทธิ์ทันที: 325 มก. ถึง 1 กรัม/ทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมง
- ขนาดยาสูงสุดต่อครั้ง: 1000 มก.
- ขนาดยาสูงสุด: 4 กรัม/24 ชั่วโมง
- ยาแบบออกฤทธิ์นาน: 1300 มก. รับประทานทุกๆ 8 ชั่วโมง
- ขนาดยาสูงสุด: 3900 มก. ต่อ 24 ชั่วโมง
ทางทวารหนัก: 650 มก./ทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุด: 3900 มก. /24 ชั่วโมง
ขนาดยาพาราเซตามอลสำหรับเด็ก
ขนาดยาเพื่อรักษาไข้หรืออาการปวด
ขนาดยาตามน้ำหนักตัว: อายนุน้อยกว่า12 ปี: 10-15 มก./กก./ครั้ง รับประทานทุกๆ 4-6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุด: 5 ครั้ง/24 ชั่วโมง
ขนาดยาที่คงที่
- อายุ 0-3 เดือน (น้ำหนัก 2.7-5.3 กก.)
- ขนาดยา: 40 มก./ครั้ง
- ยาแขวนตะกอนแบบรับประทาน (160 มก./5 มล.): 1.25 มล.
- อายุ 4-11 เดือน (น้ำหนัก 5.4-8.1 กก.)
- ขนาดยา: 80 มก./ครั้ง
- ยาแขวนตะกอนแบบรับประทาน (160 มก./5 มล.): 2.5 มล.
- อายุ 12-23 เดือน (น้ำหนัก 8.2-10.8 กก.)
- ขนาดยา: 120 มก./ครั้ง
- ยาแขวนตะกอนแบบรับประทาน (160 มก./5 มล.): 3.75 มล.
- ยาแบบเคี้ยว (80 มก./เม็ด): 1.5 เม็ด
- อายุ 2-3 ปี (น้ำหนัก 10.9-16.3 กก.)
- ขนาดยา: 160 มก./ครั้ง
- ยาแขวนตะกอนแบบรับประทาน (160 มก./5 มล.): 5 มล.
- ยาแบบเคี้ยว (80 มก./เม็ด): 2 เม็ด
- ยาแบบเคี้ยว (160 มก./เม็ด): 1 เม็ด
- อายุ 4-5 ปี (น้ำหนัก 16.4-21.7 กก.)
- ขนาดยา: 240 มก./ครั้ง
- ยาแขวนตะกอนแบบรับประทาน (160 มก./5 มล.): 7.5 มล.
- ยาแบบเคี้ยว (80 มก./เม็ด): 3 เม็ด
- ยาแบบเคี้ยว (160 มก./เม็ด): 1.5 เม็ด
- อายุ 6-12 ปี: 325 มก. รับประทานทุกๆ 4-6 ชั่วโมง ห้ามรับประทานเกินกว่า 1.625 กรัม/วัน เป็นเวลานานกว่า 5 วัน เว้นแต่ว่าจะได้รับคำแนะนำจากผู้ดูแลสุขภาพ
- อายุมากกว่า 12 ปี
- ยาแรงปกติ: 650 มก. ทุกๆ 4-6 ชั่วโมง ห้ามรับประทานเกินกว่า 3.25 กรัม/24 ชั่วโมง ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ อาจสามารถใช้ขนาดยาได้สูงสุดถึง 4 กรัม/วัน
- ยาแรงเป็นพิเศษ: 1000 มก. ทุกๆ 6 ชั่วโมง ห้ามรับประทานเกินกว่า 3 กรัม/24 ชั่วโมง ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ อาจสามารถใช้ขนาดยาได้สูงสุดถึง 4 กรัม/วัน
- ยาแบบออกฤทธิ์นาน: 1.3 กรัม ทุกๆ 8 ชั่วโมง ห้ามรับประทานเกินกว่า 3.9 กรัม/24 ชั่วโมง
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบการใช้งานมีดังนี้
- ความแรงของยา:325 มก.-30 มก. 325 มก.-60 มก. 120 มก.-12 มก./ 5 มล. 300 มก.-15 มก. 300 มก.-30 มก. 300 มก.-60 มก. 650 มก.-30 มก. 650 มก.-60 มก.
- รูปแบบของยา
- ยาน้ำใส
- ยาเม็ด (แบบแตกตัวในปาก แบบเคี้ยว แบบออกฤทธิ์นาน แบบฟองฟู่)
- ยาแคปซูล (มีของเหลวด้านใน)
- ยาเหน็บ
- ยาผง ยาผงสำหรับผสมเป็นยาน้ำ
- ยาไซรัป
- ยาน้ำแขวนตะกอน (Suspension) ยาอิลิกเซอร์ (Elixir)
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมรับประทานยา ควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
อ่านเพิ่มเติม:
Review Date: สิงหาคม 9, 2018 | Last Modified: พฤศจิกายน 7, 2019