
โรคเบาหวานเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อกลไกการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของร่างกาย หากปล่อยไว้ไม่รักษาหรือควบคุมอาการให้ดี หรือยิ่งหากคุณมีพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น สูบบุหรี่ ก็จะยิ่งทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดมีปัญหา จนทำไปสู่ ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน เหล่านี้ได้ วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาดูภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน และวิธีการรับมือจากโรคดังกล่าวกันค่ะ
ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
ยิ่งคุณเป็นเบาหวานเป็นเวลานาน ความสามารถในการควบคุมน้ำตาลในเลือดของร่างกายก็จะยิ่งลดลง และความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น และหากปล่อยเอาไว้ไม่รักษา ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานก็จะรุนแรงขึ้น จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่พบได้บ่อย มีดังนี้
ภาวะแทรกซ้อนแบบเฉียบพลัน
- ภาวะคีโตซิส
ภาวะคีโตซิส (Diabetic Ketoacidosis; DKA) คือ ภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงร่วมกับภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งบางครั้งแค่การกินยาหรือฉีดยาอินซูลิน (Insulin) ก็ไม่สามารถช่วยให้หายเป็นปกติได้ ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และหากเป็นภาวะฉุกเฉิน อาจต้องเข้ารักษาในแผนกผู้ป่วยหนัก หรือไอซียู เพื่อให้น้ำเกลือและอินซูลินอย่างระมัดระวัง อย่างน้อย 12-24 ชั่วโมง จึงจะพ้นจากภาวะนี้ได้
- ภาวะเลือดมีความเข้มข้นสูงจากภาวะน้ำตาลในเลือดเกิน
ภาวะเลือดมีความเข้มข้นสูงจากภาวะน้ำตาลในเลือดเกิน (Hyperosmolar Hyperglycaemic State; HHS) ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มักมีอาการเจ็บป่วยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การติดเชื้อ ภาวะขาดน้ำ หรือหากหยุดยาเบาหวานก็สามารถทำให้เกิดภาวะนี้ได้เช่นกัน ผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนนี้จะมีอาการปัสสาวะผิดปกติ กระหายน้ำ คลื่นไส้ ผิวแห้ง สับสนงุนงง เป็นต้น และหากปล่อยไว้ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ภาวะแทรกซ้อนแบบเรื้อรัง
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
เบาหวานสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) ได้มากมาย เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะหัวใจวาย ภาวะหลอดเลือดแข็ง
- โรคเส้นประสาท
เมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดมากเกินไป อาจทำให้ผนังของหลอดเลือดฝอยที่คอยลำเลียงสารต่าง ๆ เช่น ออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงสารอาหารและของเสียต่าง ๆ เสียหายได้ โดยเฉพาะที่หลอดเลือดฝอยบริเวณขา เมื่อหลอดเลือดฝอยเสียหายจึงอาจทำให้คุณเป็นเหน็บชา เป็นตะคริว รู้สึกปวด หรือแสบร้อน ขาบวมเท้าบวม โดยส่วนใหญ่อาการจะเริ่มจากปลายนิ้วมือนิ้วเท้า แล้วค่อย ๆ ไล่ขึ้นไปเรื่อย ๆ
หากคุณปล่อยเอาไว้ไม่รักษา อาจทำให้มือ เท้า หรืออวัยวะส่วนที่หลอดเลือดฝอยเสียหายสูญเสียการรับรู้ถาวรได้ หากเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหารถูกทำลาย ก็อาจทำให้คุณมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องผูก หรือหากเป็นผู้ชาย โรคเส้นประสาทที่เป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานนี้ก็อาจทำให้คุณมีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย
- โรคไต
ไตมีกระจุกหลอดเลือดฝอย ที่เรียกว่า โกลเมอรูลัส (Glomerulus) ที่ทำหน้าที่กรองของเสียจากเลือด แต่หากคุณเป็นโรคเบาหวาน ก็อาจทำให้กระจุกหลอดเลือดฝอยนี้เสียหายจนระบบกรองการกำจัดของเสียบกพร่อง และหากเสียหายขั้นรุนแรงก็อาจนำไปสู่ภาวะไตวาย หรือเป็นโรคไตระยะสุดท้ายที่รักษาไม่ได้ และอาจต้องฟอกไต หรือถึงขั้นต้องปลูกถ่ายไต
- การสูญเสียการได้ยิน
การสูญเสียการได้ยินในผู้ป่วยเบาหวานเป็นภาวะที่พบได้มากกว่าร้อยละ 70 เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน จะทำให้หลอดเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงหูชั้นในและเส้นประสาทหูเสียหาย จนทำงานผิดปกติ และนำไปสู่การสูญเสียการได้ยินได้ในที่สุด
- ปัญหาผิวหนัง
ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่พบได้บ่อยมากอย่างหนึ่งก็คือ ปัญหาผิวหนัง เช่น ผิวหนังติดเชื้อรา ผิวหนังติดเชื้อแบคทีเรีย อาการคันตามผิวหนัง ตุ่มนูนแดงหรือปื้นสีแดง ตุ่มนูนแข็งที่ทำให้คันมาก ภาวะด่างขาว
- โรคเบาหวานขึ้นจอตา
โรคเบาหวานสามารถทำลายหลอดเลือดฝอยของจอประสาทตา ทำให้หลอดเลือดอุดตันจนจอตาขาดเลือด ตามัว มองไม่ชัด และหากเข้าขั้นรุนแรง ก็อาจทำให้ตาบอดได้ นอกจากนี้ โรคเบาหวานยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคตาอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น โรคต้อหิน โรคต้อกระจก
- โรคเท้าเบาหวาน
โรคเท้าเบาหวาน (Diabetic Foot) คือ สภาวะของเท้าที่เกิดจากปลายประสาทเสื่อม หรือหลอดเลือดส่วนปลายตีบตันจนเลือดไหลเวียนได้ไม่ดี หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา เมื่อเกิดบาดแผล เช่น มีดบาด ตะปูตำ หรือเกิดแผลพุพอง ก็อาจนำไปสู่การติดเชื้อขั้นรุนแรง และรักษาได้ยาก จนสุดท้ายอาจต้องตัดนิ้ว ตัดเท้า หรือตัดขาทิ้งได้
- โรคอัลไซเมอร์
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อม เช่น โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) ได้ ยิ่งหากคุณควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี ความเสี่ยงในการเกิดปัญหานี้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
สาเหตุของ ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน
เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้หลอดเลือดเสียหายอย่างรุนแรง และทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่ได้ เมื่อไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงอย่างที่ควรจะเป็น เส้นประสาทในอวัยวะส่วนต่าง ๆ ก็เลยทำงานได้ไม่ดี จนทำให้คุณสูญเสียความรู้สึกหรือประสาทรับรู้ในบริเวณนั้นไป และส่วนใหญ่ ความเสียหายที่ขึ้น มักส่งผลลุกลามต่อไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นโรคเท้าเบาหวาน ก็อาจทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดขั้นรุนแรงตามมาได้
แต่ปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็ไม่ใช่สาเหตุเดียวของภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน เพราะหากคุณมีปัญหาความดันโลหิตสูง มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง หรือสูบบุหรี่ ก็สามารถทำให้หลอดเลือดถูกทำลาย และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้มากขึ้นไปอีก
เราจะป้องกันภาวะเหล่านี้ได้ยังไงบ้าง
คุณสามารถชะลอ หรือป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรังได้ด้วยการควบคุมอาการของโรคเบาหวานให้ดี ทั้งใช้ยาตามแพทย์สั่ง และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้น เช่น
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- เลิกบุหรี่
- รับประทานอาหารผักผลไม้และธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง
- รับประทานเนื้อสัตว์แบบไม่ติดหนังและไม่มีมัน หรือแบบไขมันน้อย เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่
- หลีกเลี่ยงขนมหวาน ชา กาแฟ อาหารมัน ๆ
เมื่อคุณทำตามวิธีการเหล่านี้ได้ ก็จะสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับความดัน และระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ เลือดก็จะไหลเวียนดีขึ้น และความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานก็จะลดลง
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด