โดยโมเลกุลขนาดใหญ่ จะทำหน้าที่เป็นเกราะในการกักเก็บความชุ่มชื้นที่ผิวชั้นนอก และทำงานประสานกับโมเลกุลขนาดกลางและขนาดเล็ก ในชั้นผิวที่ลึกลงไปตามลำดับ ส่งผลให้ผิวสดใสสุขภาพดี กล่าวได้ว่ายิ่งมีโมเลกุลเล็กเท่าใด ก็ยิ่งซึมซาบลงไปในชั้นผิวได้ลึกมากขึ้นเท่านั้น
ไฮยาลูรอนิคมาจากไหน
ไฮยาลูรอนิคพบได้ทั่วไปในร่างกายของมนุษย์ โดยบริเวณที่พบมากที่สุดได้แก่ ของเหลวภายในดวงตา ข้อต่อกระดูก และบริเวณผิวหนังทั่วไป เมื่ออายุมากขึ้นการสร้างไฮยาลูรอนิคของร่างกายจะมีประสิทธิภาพลดลง ส่งผลให้ข้อต่อกระดูกและผิวเสื่อมสภาพ
กรดไฮยาลูรอนิคจึงถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์ เพื่อประกอบการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคข้อเสื่อม และได้นำมาใช้ในอุตสาหกรรมความงามอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและคงความอ่อนเยาว์ของผิว โดยสารสังเคราะห์นี้สร้างขึ้นจากสารสกัดของหงอนไก่ รวมถึงการเพาะเลี้ยงเชื้อแบคทีเรียในห้องทดลอง
ผิวแห้ง..ปัญหากวนใจ จัดการด้วยไฮยาลูรอนิค
ผิวแห้ง ปัญหากวนใจที่เกิดจากผิวหน้าเริ่มเสียความชุ่มชื้น ส่งผลให้เกราะปกป้องผิวชั้นนอกถูกทำลาย นับเป็นปัญหาที่หลายคนประสบ และไม่ว่าจะดูแลอย่างไรก็ไม่หายไปได้ง่ายๆ สักที ปัญหาที่สร้างความรำคาญใจนี้เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น ภูมิอากาศที่เย็นจัด การใช้สบู่ที่มีส่วนผสมที่กำจัดน้ำมันบนผิว การล้างหน้าบ่อย ๆ หรือการละเลยการใช้ผลิตภัณฑ์เติมความชุ่มชื้นแก่ผิว
โดยปัญหาผิวแห้งจะทำให้ผิวหน้าแห้งตึง หยาบกร้าน หมองคล้ำ มีแนวโน้มแพ้ง่าย เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ดังนั้น การเลือกสารที่เติมความชุ่มชื่นให้ผิว เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ไฮยาลูรอนิคเป็นสารที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวในทุกมิติ เป็นทางลัดอันยอดเยี่ยมในการเติมน้ำให้ผิวมีความชุ่มชื้น พร้อมทั้งช่วยป้องกันปัญหาที่จะตามมาในอนาคต
ความชุ่มชื้นพื้นฐานผิวสวยสุขภาพดี
ความชุ่นชื้น คือพื้นฐานของผิวสุขภาพดี ด้วยการมีผิวหน้าชุ่มชื้นส่งเสริมประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าดีขึ้น ผิวชุ่มชื้นยังจะช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะที่เป็นอันตรายต่อผิวได้อย่างดี