ในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ ว่าที่คุณแม่อาจมีอาการท้องเสียบ่อย ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ประกอบกับอาหารที่กินเข้าไป หากไม่ดื่มน้ำชดเชยให้เพียงพอก็อาจเกิดภาวะขาดน้ำได้
อากาศร้อนและความชื้นทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น จึงอาจเกิดภาวะขาดน้ำได้ นอกจากนี้การเปิดเครื่องปรับอากาศ ก็อาจทำให้อากาศในห้องแห้งเกินไป จนร่างกายสูญเสียน้ำ หรือความชุ่มชื้นได้เช่นกัน
อาการขาดน้ำ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป เนื่องจากร่างกายสามารถกักเก็บน้ำได้น้อยลง ว่าที่คุณแม่ในวัยนี้จึงควรดื่มน้ำเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นอยู่เสมอ
หากหญิงตั้งครรภ์ชอบออกกำลังกาย ทำกิจกรรม หรือเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ตลอดเวลา ก็อาจทำให้เหงื่อออกมาก ร่างกายสูญเสียน้ำไปกับเหงื่อ จนขาดน้ำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่อากาศร้อนมาก ๆ
ไข้ หรืออาการตัวร้อน รวมไปถึงปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการเมตาบอลิซึม เช่น ไตวาย เบาหวาน และโรคระบบทางเดินอาหาร อย่าง โรคเซลิแอค (โรคแพ้กลูเตน) หรือโรคโครห์น (Crohn’s disease) ก็สามารถทำให้เกิดภาวะขาดน้ำระหว่างตั้งครรภ์ได้เช่นกัน
สัญญาณและอาการ Dehydration คือ
หากอยู่ในภาวะขาดน้ำระหว่างตั้งครรภ์ ร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณ หรือมีอาการบางอย่าง เช่น กระหายน้ำ ขี้ร้อนกว่าปกติ ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้มขึ้น รวมถึงอาการต่างๆ เหล่านี้
- รู้สึกปากแห้ง คอแห้ง
- ง่วงนอน
- ริมฝีปากและผิวหนังแห้ง
- ไม่ค่อยปวดปัสสาวะ หรือปัสสาวะออกน้อย
- ปวดศีรษะ
- ท้องผูก หรืออุจจาระเป็นก้อนแข็ง
- วิงเวียนศีรษะ
- มีการหดรัดตัวของมดลูก หรือเจ็บครรภ์หลอก (Braxton Hicks contractions)
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย