backup og meta

PCOS กับการตั้งครรภ์ เกี่ยวข้องกันอย่างไร

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์ · แก้ไขล่าสุด 01/05/2023

    PCOS กับการตั้งครรภ์ เกี่ยวข้องกันอย่างไร

    PCOS หรือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ เป็นหนึ่งปัญหาในการตั้งครรภ์ที่เกิดจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงจนส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธ์ และอาจนำไปสู่ภาวะการมีบุตรยาก มักพบในผู้หญิงวัยเจริญพันธ์ุ PCOS กับการตั้งครรภ์ นั้นเกี่ยวข้องกันโดยตรง ผู้หญิงที่มีภาวะ PCOS จึงจำเป็นต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ เพื่อลดอาการและความเสี่ยงในการเกิดภาวะมีบุตรยาก

    PCOS คืออะไร

    PCOS (Polycystic Ovary Syndrome) หรือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ เป็นความผิดปกติของฮอร์โมน อาจพบได้มากในผู้หญิงวัยเจริญพันธ์ุ โดยผู้หญิงที่มีภาวะ PCOS มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือน อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มา ๆ หาย ๆ สำหรับสาเหตุของการเกิดภาวะ PCOS ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกิดจากการมีอินซูลินมากเกินไป อาการอักเสบชนิดต่ำที่กระตุ้นรังไข่ พันธุกรรม และร่างกายมีระดับฮอร์โมนเพศชายมากผิดปกติ เป็นต้น

    PCOS กับการตั้งครรภ์

    PCOS เป็นหนึ่งในปัญหาการตั้งครรภ์ของผู้หญิงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งอาจกระทบต่อการทำงานของระบบสืบพันธ์ุ ดังนี้

    PCOS ส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอนโดรเจนมากผิดปกติ

    แอนโดรเจน (Androgen) เป็นฮอร์โมนเป็นชาย หากมีมากร่างกายจะเปลี่ยนฮอร์โมนชนิดนี้ไปเป็นเอสโตรเจน (Estrogen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง เมื่อมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงก็อาจส่งผลต่อการพัฒนาไข่และการตกไข่ ทำให้ไข่ที่แข็งแรงไม่ถูกปล่อยออกมา ตัวอสุจิไม่สามารถเข้าไปผสมกับไข่ได้ จึงไม่เกิดการตั้งครรภ์

    PCOS ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ

    รอบเดือนของผู้หญิงแต่ละคนจะแตกต่างกันไป อาจขึ้นอยู่กับอายุและสภาวะสุขภาพ แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีรอบเดือนห่างกันทุก ๆ 28 วัน หากประจำเดือนมาสม่ำเสมอถือว่าปกติ แต่เมื่อไรที่ร่างกายเกิดความผิดปกติ เช่น มีปัญหาในการตกไข่ จะทำให้ประจำเดือนนั้นผิดปกติ

    ภาวะ PCOS ส่งผลให้การตกไข่ผิดปกติ ร่างกายอาจมีการไข่ตกบ้าง ไม่ตกบ้าง บางครั้งก็ไม่มีไข่ตกเลย จึงทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ และการที่ไข่ไม่ตกก็ถือว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้

    การปรับไลฟ์สไตล์เพื่อช่วยลดภาวะ PCOS

    การที่น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงอาจส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนของร่างกาย ผู้หญิงบางคนที่มีโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกินควรลดน้ำหนักให้ได้ประมาณ 10% ของน้ำหนักตัว เพื่อให้ฮอร์โมนกลับมาอยู่ในระดับปกติ และช่วยทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ

    วิธีการลดนั้นสามารถทำได้โดยการปรับพฤติกรรมบางอย่าง เช่น เลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ ลดความเครียด มองโลกในแง่บวก วิธีเหล่านี้อาจช่วยให้ฮอร์โมนสมดุลและร่างกายก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์ · แก้ไขล่าสุด 01/05/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา