backup og meta

สไตล์การเรียนรู้ คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อเด็ก ๆ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ · แก้ไขล่าสุด 16/11/2022

    สไตล์การเรียนรู้ คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อเด็ก ๆ

    เด็กแต่ละคนจะมีวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกันไป คุณพ่อคุณแม่ สไตล์การเรียนรู้ (Learning Style) หรือรูปแบบการเรียนรู้ของเด็ก ๆ เพราะมีส่วนช่วยในการส่งเสริมพัฒนาการด้านการศึกษาของเด็กได้ และในบางกรณีอาจมีส่วนช่วยแก้ไขภาวะบกพร่องด้านต่าง ๆ เช่น ภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning Disabilities หรือ LD)  โรคสมาธิสั้น (Attention deficit hyperactivity disorder หรือ ADHD)

    สไตล์การเรียนรู้ คืออะไร

    รูปแบบการเรียนรู้แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ การฟัง (Auditory) การเคลื่อนไหวร่างกาย (Kinesthetic) การสัมผัส (Tactual) และการมองเห็น (Visual) คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มประเมินรูปแบบการเรียนรู้ของเด็ก เมื่ออายุ 6-7 ปี และรูปแบบการเรียนรู้จะเริ่มตกผลึกจริง ๆ เมื่อเข้าสู่การเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

    นอกจากนี้ วิธีการสอนวิธีเดียวอาจไม่ได้ผลสำหรับเด็กทุกคน หรือแม้แต่กับเด็กส่วนใหญ่ ความตระหนักของผู้สอนเกี่ยวกับสไตล์การเรียนรู้ที่หลากหลาย และความพยายามที่จะปรับเรียนการสอนให้เข้ากับสไตล์การเรียนรู้ของเด็ก ๆ  อาจช่วยในการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ ที่มีประสิทธิภาพสำหรับเด็กทุกคนได้ดีกว่า นอกจากนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตสไตล์การเรียนรู้ของเด็ก ๆ ได้ ดังต่อไปนี้

    สไตล์การเรียนรู้ 4 รูปแบบ

    1. การมองเห็น (Visual learners)

    เด็กที่มีสไตล์การเรียนรู้ผ่านการมองเห็น มักจะเรียนรู้ข้อมูลได้ดีที่สุดผ่านการมองเห็นสิ่งใหม่ ๆ โดยสัญญาณที่บอกว่าเด็กถนัดที่จะเรียนรู้จากการมองเห็น ได้แก่

  • ชอบเรียนรู้จากรูปภาพ ภาพประกอบ และจากการดูวิดีโอหรือรายการในโทรทัศน์
  • จดจำวิธีการทำสิ่งต่าง ๆ จากการเห็นคนอื่นทำ
  • สามารถจดจำรูปร่าง สี และตัวอักษร ได้อย่างรวดเร็ว
  • คุณพ่อคุณแม่สามารถสนับสนุนเด็ก ๆ ที่มีสไตล์การเรียนรู้แบบนี้ได้ ด้วยการเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ นำเสนอผลงานที่เป็นภาพ เช่น ให้สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากวิชาประวัติศาสตร์เป็นภาพ นอกจากนี้ เด็ก ๆ ยังสามารถได้ประโยชน์จากการอธิบายเนื้อหาวิชาการ ผ่านการวาดแผนผังหรือแผนภาพ และการใช้สีที่แตกต่างกันก็เป็นวิธีที่น่าสนใจ มากไปกว่านั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถสนับสนุนการเรียนรู้ผ่านการมองเห็นของเด็กได้ ดังนี้

  • ให้เรียนรู้ผ่านหนังสือรูปภาพ ที่มีภาพมากมาย
  • ให้ดูรายการหรือวิดีโอเพื่อการศึกษา
  • สาธิตวิธีการทำสิ่งใหม่ ๆ ด้วยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
  • ใช้แผนผังหรือแผนภาพในการสรุปเนื้อหาต่าง ๆ
  • 2. การฟัง (Auditory learners)

    เด็ก ๆ ที่มีสไตล์การเรียนรู้ผ่านการฟัง จะได้รับข้อมูลใหม่ ๆ ได้ดีที่สุดจากการฟัง โดยสัญญาณที่บอกว่าเด็กถนัดที่จะเรียนรู้จากการฟัง ได้แก่

    • สามารถจดจำคำศัพท์ ไปจนถึงเรื่องราวต่าง ๆ และจดจำเพลงได้อย่างรวดเร็ว
    • สามารถทำตามคำสั่งได้อย่างง่ายดาย
    • มักจะพูดทวนสิ่งที่ได้ยินและความคิดเห็นต่าง ๆ

    เด็ก ๆ ที่มีสไตล์การเรียนรู้ผ่านการฟัง มักจะมีความสุขกับการสื่อสารความคิดของพวกเขาผ่านการพูดคุยในคาบเรียนหรือที่บ้าน เด็ก ๆ สามารถได้ประโยชน์จากการเข้าร่วมวงสนทนา หรือพูดคุยในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กผ่านการฟัง ได้ดังนี้

  • เด็ก ๆ จะชอบฟังเรื่องเล่า หรือเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งที่เป็นเรื่องจริงและเรื่องที่แต่งขึ้น รวมถึงลูกจะชอบเล่าเรื่องด้วยตนเอง คุณพ่อคุณแม่สามารถเล่าเรื่องราวให้เด็ก ๆ ฟัง และเป็นผู้ฟังที่ดีในเวลาที่เด็ก ๆ เล่าเรื่อง
  • ยิ่งพูดสิ่งที่เป็นประโยชน์มากเท่าไหร่ เด็ก ๆ ก็จะยิ่งได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้น
  • เพลงและจังหวะต่าง ๆ เป็นวิธีที่ดีในการช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
  • 3. การเคลื่อนไหวร่างกาย (Kinesthetic learners)

    เด็กที่มีสไตล์การเรียนรู้ผ่านการเคลื่อนไหวร่างกาย จะชอบใช้ร่างกายในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และแนวคิดใหม่ ๆ โดยสัญญาณที่บอกว่าเด็กถนัดที่จะเรียนรู้จากการเคลื่อนไหวร่างกาย ได้แก่

    • สนุกกับการเล่นเครื่องเล่นในสนามเด็กเล่น เช่น สนุกกับการเล่นสไลด์เดอร์ซ้ำ ๆ ไม่ยอมหยุด
    • ชอบแสดงละครเป็นตัวละครต่าง ๆ จากหนังสือนิทาน หรือเลียนแบบการกระทำของตัวละครในเรื่อง
    • ชอบเล่นของเล่น และทำกิจกรรมที่ได้ขยับร่างกาย

    เด็ก ๆ ที่มีสไตล์การเรียนรู้ผ่านการเคลื่อนไหวร่างกาย มักจะสนุกกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น จะชอบแสดงละครมากกว่าการนั่งเขียนบทละครลงในกระดาษ นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจให้เรียนรู้ผ่านเกม หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้ได้เคลื่อนไหวร่างกาย และอาจลองใช้วิธีเหล่านี้

    • สนับสนุนให้มีการแสดงบทบาทสมมติเพื่อการเรียนรู้
    • สอนข้อมูลใหม่ ๆ ผ่านเกมหรือกิจกรรมที่ทำให้เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกาย

    4. การสัมผัส (Tactual learners)

    เด็กที่มีสไตล์การเรียนรู้ผ่านการสัมผัส มักจะต้องการที่จะรู้สึกและสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ เพื่อความเข้าใจ โดยสัญญาณที่บอกว่าเด็กถนัดที่จะเรียนรู้จากการสัมผัส ได้แก่

    • ชอบสัมผัสวัตถุและพื้นผิวต่าง ๆ เช่น ชอบเล่นของเล่นไม้ที่เป็นรูปทรงต่าง ๆ
    • ต้องการรู้สึกถึงสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น ต้องการสัมผัสน้ำแข็งเพื่อรับรู้ว่าความเย็นจัดเป็นอย่างไร
    • มักจะมีปัญหาในการทำตามคำสั่งที่ไม่คุ้นเคย

    คุณพ่อคุณแม่สามารถสนับสนุนการเรียนรู้ผ่านการสัมผัส ได้ดังนี้

    • ให้เด็กลองเรียนรู้สิ่งใหม่จากการลงมือทำ
    • ใช้ดินน้ำมัน แป้ง หรือทราย ทำเป็นรูปร่างต่าง ๆ เพื่อเสริมการเรียนรู้

    เด็ก ๆ แต่ละคนย่อมมีสไตล์การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน โดยบางคนอาจเรียนรู้ผ่านการมองเห็นได้ดีกว่ารูปแบบอื่น เช่น สามารถจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้จากการดูรูปภาพ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตว่า ลูกสามารถเรียนรู้ได้ดีจากรูปแบบการเรียนรู้แบบใด และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ทำในสิ่งที่ตนเองถนัด เพื่อประโยชน์การเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้น และช่วยส่งเสริมให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการด้านต่าง ๆ ที่เหมาะสมวัย

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


    เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ · แก้ไขล่าสุด 16/11/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา