ริโทนาเวียร์ (Ritonavir) เป็นยาที่ใช้ร่วมกับยารักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ใช้เพื่อควบคุมอาการติดเชื้อเอชไอวี ทำหน้าที่ในการลดปริมาณของเชื้อเอชไอวีในร่างกาย
ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group
ริโทนาเวียร์ (Ritonavir) เป็นยาที่ใช้ร่วมกับยารักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ใช้เพื่อควบคุมอาการติดเชื้อเอชไอวี ทำหน้าที่ในการลดปริมาณของเชื้อเอชไอวีในร่างกาย
ริโทนาเวียร์ (Ritonavir) เป็นยาที่ใช้ร่วมกับยารักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ใช้เพื่อควบคุมอาการติดเชื้อเอชไอวี ทำหน้าที่ในการลดปริมาณของเชื้อเอชไอวีในร่างกาย เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดโอกาสของการเกิดอาการแทรกซ้อนของเอชไอวี (เช่น การติดเชื้ออื่นๆ โรคมะเร็ง) และช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น
ยา ริโทนาเวียร์ เป็นยาในกลุ่มยายับยั้งเอนไซม์โปรตีเอส (Protease) ทำหน้าที่เพิ่ม (ส่งเสริม) ระดับของยายับยั้งเอนไซม์โปรตีเอสอื่นๆ ซึ่งช่วยให้ยาเหล่านั้นทำงานได้ดีขึ้น
ควรเก็บยานี้ไว้ในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง
ยาริโทนาเวียร์บางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาริโทนาเวียร์ลงในชักโครก หรือทิ้งลงในท่อระบายน้ำเว้น เสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเพียงพอเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยาริโทนาเวียร์ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาความเสี่ยงของการใช้ยา
ยาริโทนาเวียร์จัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ หมวด B โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ โดย FDA มีดังนี้
ยาริโทนาเวียร์อาจมีปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่าคุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาริโทนาเวียร์อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาริโทนาเวียร์อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้ยาริโทนาเวียร์ เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อใช้รักษาการติดเชื้อเอชไอวี
ใช้เป็นยากระตุ้นเภสัชจลนศาสตร์ (Pharmacokinetic) สำหรับยายับยั้งเอนไซม์โปรตีเอสอื่น ๆ : 100 ถึง 400 มก. ต่อวันโดยรับประทาน 1 ครั้ง หรือแบ่งเป็น 2 ครั้ง
ใช้เป็นยาต้านรีโทรไวรัส (ยายับยั้งเอนไซม์โปรตีเอสตัวเดียว)
คำแนะนำ
วิธีการใช้: ใช้ร่วมกับยาต้านรีโทรไวรัสชนิดอื่นๆ เพื่อรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี -1
การปรับขนาดยาสำหรับโรคไต
ไม่มีข้อมูล
การปรับขนาดยาสำหรับโรคตับ
คำแนะนำ
แนะนำการระมัดระวัง และการเฝ้าสังเกตทางการพยาบาลและทางแล็ป สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ ไวรัสตับอักเสบ หรือเอนไซม์ตับผิดปกติมาก่อน
การปรับขนาดยา
จำเป็นต้องมีการลดขนาดยาริโทนาเวียร์ เมื่อใช้ร่วมกับยายับยั้งเอนไซม์โปรตีเอสอื่นๆ เช่น ยาอะทาซานาเวียร์ (Atazanavir) ยาดารุนาเวียร์ (Darunavir) ยาฟอสแอมพรีนาเวียร์ (Fosamprenavir) ยาซาควินาเวียร์ (Saquinavir) ยาทิพล่านาเวียร์ (Tipranavir) ข้อมูลของผลิตภัณฑ์เต็มรูปแบบ และข้อมูลการศึกษาทางการแพทย์ของยายับยั้งเอนไซม์โปรตีเอสเหล่านี้ ควรได้รับการพิจารณา หากใช้ยาพวกนี้ร่วมกับยาที่ลดขนาดลง
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการใช้
การเก็บรักษา
ทั่วไป
การเฝ้าสังเกต
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อใช้รักษาการติดเชื้อเอชไอวี
ใช้เป็นยากระตุ้นเภสัชจลนศาสตร์ สำหรับยายับยั้งเอนไซม์โปรตีเอสอื่น ๆ ข้อมูลของผลิตภัณฑ์เรื่องการกระตุ้นยายับยั้งเอนไซม์โปรตีเอสอื่นๆ ควรได้รับการพิจารณาสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ใช้เป็นยาต้านรีโทรไวรัส (ยายับยั้งเอนไซม์โปรตีเอสเพียงตัวเดียว):
มากกว่า 1 เดือน
คำแนะนำ
วิธีการใช้: ใช้ร่วมกับยาต้านรีโทรไวรัสชนิดอื่นๆ เพื่อรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี -1
ข้อควรระวัง
ยังไม่มีการจัดทำยาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 1 เดือน
จุดเด่นและรูปแบบการใช้งานมีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมรับประทานยาควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย