เซฟฟิซิม (Cefixime) มักใช้เพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ยานี้อยู่ในกลุ่มของยาปฏิชีวนะเซฟาโลสปอริน (cephalosporin) ทำงานโดยการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
เซฟฟิซิม (Cefixime) มักใช้เพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ยานี้อยู่ในกลุ่มของยาปฏิชีวนะเซฟาโลสปอริน (cephalosporin) ทำงานโดยการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
ยาเซฟฟิซิม (Cefixime) มักใช้เพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ยานี้อยู่ในกลุ่มของยาปฏิชีวนะเซฟาโลสปอริน (cephalosporin) ทำงานโดยการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
ยาปฏิชีวนะนี้ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ไม่มีผลกับการติดเชื้อไวรัส (เช่น โรคหวัด หรือไข้หวัดใหญ่) การใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นหรือใช้มากเกินไป สามารถทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลงได้
รับประทานยานี้พร้อมอาหาร หรือรับประทานต่างหากตามที่แพทย์สั่ง โดยปกติคือ วันละครั้ง สำหรับเด็กอาจต้องใช้ยาวันละ 2 ครั้ง (ทุกๆ 12 ชั่วโมง) หากคุณใช้ยาเม็ดแบบเคี้ยว ควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนยา
ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ และการตอบสนองต่อการรักษา สำหรับเด็กนั้นขนาดยาต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวด้วย
เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ควรใช้ยาปฏิชีวนะโดยเว้นระยะห่างที่เท่ากัน เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
ใช้ยาอย่างต่อเนื่องจนครบตามที่แพทย์สั่ง แม้ว่าอาการจะหายไปหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน การหยุดใช้ยาเร็วเกินไปอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตต่อไป ส่งผลให้กลับมาติดเชื้ออีกครั้ง แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการของคุณไม่หายไปหรือแย่ลง
ยาเซฟฟิซิมควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นจากแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาเซฟิซิมแต่ละยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาเซฟิซิมลงในชักโครก หรือในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น สิ่งสำคัญคือ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ก่อนใช้ยาเซฟิซิม แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ยานี้ หรือแพ้ยาเพนิซิลลิน (penicillins) หรือแพ้ยาในกลุ่มเซฟาโลสปอรินอื่นๆ เช่น ยาเซฟาเลกซิน (cephalexin) หรือหากคุณมีการแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบที่ไม่ออกฤทธิ์ ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่นได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดสอบถามกับเภสัชกร
ก่อนใช้ยานี้ โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะ โรคไต โรคลำไส้บางชนิด เช่นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ (colitis)
ยาเซฟิซิมอาจทำให้วัคซีนจากแบคทีเรียชนิดเชื้อเป็น (เช่น วัคซีนไทรอยด์) ทำงานได้ไม่ดี ห้ามกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (immunizations) หรือรับวัคซีน ขณะที่กำลังใช้ยานี้นอกจากแพทย์จะสั่ง
ก่อนการผ่าตัด โปรดแจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ เกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณกำลังใช้ (ทั้งยาตามใบสั่ง ยาที่หาซื้อได้เอง และสมุนไพร)
ยานี้ในรูปแบบเคี้ยวอาจมีสารให้ความหวานแทนน้ำตาลแอสปาร์แตม (aspartame) หากคุณเป็นโรคฟีนิลคีโตนูเรีย (phenylketonuria) หรือภาวะอื่นๆ ที่จำเป็นต้องจำกัด/หลีกเลี่ยงแอสปาร์แตม หรือฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine) ในอาหาร สอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้เพื่อความปลอดภัย
ขณะตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาความเสี่ยงและประโยชน์กับแพทย์
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถส่งต่อผ่านน้ำนมแม่ได้หรือไม่ โปรดปรึกษากับแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเพียงพอเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อชั่งน้ำหนักประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนการใช้ยานี้ ยาเซฟฟิซิมจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด B โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
อาจเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน หรือปวดกระเพาะ ท้องร่วง คลื่นไส้ มีแก๊ส ปวดศีรษะ หรือวิงเวียนได้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบในทันที หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือแย่ลง
โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่า ยามีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงของผลข้างเคียง และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากคุณมีผลข้างเคียงที่หายากแต่รุนแรง ได้แก่ ปวดท้องหรือกระเพาะอย่างรุนแรง คลื่นไส้อาเจียนบ่อยๆ ดวงตาหรือผิวเป็นสีเหลือง ปัสสาวะสีคล้ำ เหนื่อยล้าอย่างผิดปกติ มีสัญญาณของการติดเชื้อใหม่ (เช่น เจ็บคอบ่อยๆ เป็นไข้) มีรอยช้ำหรือเลือดออกได้ง่าย มีสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับไต (เช่น ปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนแปลง) มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์ (เช่น สับสน)
น้อยครั้งมากที่ยานี้อาจทำให้เกิดสภาวะทางลำไส้ที่รุนแรง เช่น อาการท้องร่วงที่เกี่ยวข้องกับเชื้อคลอสไทรเดียมดิฟิซายล์ (Clostridium difficile) เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียดื้อยา อาการนี้อาจเกิดขึ้นหลังจากหยุดการรักษาไปแล้วหลายสัปดาห์ จนถึงหลายเดือน อย่าใช้ยาแก้ท้องร่วง หรือยาแก้ปวดชนิดเสพติด (narcotic pain medications) หากคุณมีอาการเหล่านี้ เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้ แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณมีอาการ ได้แก่ ท้องร่วงบ่อยๆ ปวดท้องหรือกระเพาะ หรือมีเลือด/มูกในอุจจาระ
การใช้ยานี้เป็นเวลานานหรือใช้ซ้ำๆ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อราในช่องปาก หรือติดเชื้อยีสต์ชนิดใหม่ในช่องคลอด แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณสังเกตเห็นรอยสีขาวภายในปาก มีการเปลี่ยนแปลงของสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ หรืออาการใหม่อื่นๆ
อาการแพ้ที่รุนแรงของยานี้เกิดขึ้นน้อยมาก แต่ควรรับการรักษาในทันทีหากเกิดอาการแพ้ที่รุนแรง ได้แก่ ผดผื่น คัน/บวม (โดยเฉพาะใบหน้า ลิ้น ลำคอ) เวียนหัวอย่างรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ ได้แก่ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาฟาริน (warfarin)
แม้ว่ายาปฏิชีวนะส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อการคุมกำเนิดโดยใช้ฮอร์โมน เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด แผ่นแปะคุมกำเนิด หรือห่วงคุมกำเนิด ยาปฏิชีวนะบางตัว เช่น ไรแฟมพิน (rifampin) ไรฟาบูทิน (rifabutin) สามารถลดประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการตั้งครรภ์ หากคุณกำลังใช้ฮอร์โมนในการคุมกำเนิด ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ยานี้อาจทำให้ผลเกิดผลบวกลวง ในการใช้ผลิตภัณฑ์ตรวจปัสสาวะโรคเบาหวานบางชนิด (cupric sulfate-type) อย่าลืมแจ้งให้บุคคลากรในห้องแล็บและแพทย์ทุกคนทราบว่า คุณกำลังใช้ยานี้อยู่
ยาเซฟิซิมอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยา โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาเซฟฟิซิมอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงรุนแรง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาเซฟฟิซิมอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะทางสุขภาพของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาหูชั้นกลางอักเสบ (Otitis Media)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)/คออักเสบ (Pharyngitis)
คำแนะนำ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อหนองใน (Gonococcal Infection) – ชนิดไม่ซับซ้อน
คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ (CDC)
คำแนะนำ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อหนองใน – ระยะแพร่กระจาย
(ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา)
คำแนะนำ:
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
(ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา)
การปรับขนาดยาสำหรับไต
ผู้ใหญ่ เด็กที่น้ำหนักมากกว่า 45 กก. หรืออายุมากกว่า 12 ปี
ค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์ (CrCl) 21 ถึง 59 มล/นาที
ค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์ 20 มล/นาที หรือน้อยกว่า
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
ข้อควรระวัง
การฟอกไต
ผู้ใหญ่ เด็กที่น้ำหนักมากกว่า 45 กก. หรืออายุมากกว่า 12 ปี
ฟอกไต (Hemodialysis)
การฟอกไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง (CAPD)
คำแนะนำ
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการให้ยา
การเก็บรักษา
เทคนิคการผสมยา/การเตรียมยา
ทั่วไป
การเฝ้าระวัง
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาหูชั้นกลางอักเสบ
ยาแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน ยาเม็ดแบบเคี้ยว
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ
การติดเชื้อที่ไม่ซับซ้อน
ยาแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน ยาเม็ดแบบเคี้ยว : 8 มก./กก. รับประทานวันละครั้ง หรือ 4 มก./กก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาทอนซิลอักเสบ/คออักเสบ
อายุ 6 เดือน ถึง 12 ปี (น้ำหนัก 45 กก.หรือน้อยกว่า):
คำแนะนำ
โดยปกติยาเพนนิซิลินมักจะถูกใช้เป็นยาลำดับแรกๆ เพื่อรักษาการติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัสไพโอจีนัส (Streptococcus pyogenes infections) ยาเซฟิซิมนั้นโดยทั่วไปมักจะได้ผลสำหรับการกำจัดเชื้อสเตรปโตค็อกคัสไพโอจีนัสที่บริเวณโพรงหลังจมูก (Nasopharynx) แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ประสิทธิภาพสำหรับการป้องกันไข้รูมาติก (rheumatic fever) ที่ตามมาภายหลัง
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาหลอดลมอักเสบ
หลอดลมอักเสบเรื้อรังกำเริบเฉียบพลัน
อายุ 6 เดือน ถึง 12 ปี (น้ำหนัก 45 กก.หรือน้อยกว่า)
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อหนองใน – ไม่ซับซ้อน
(ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา)
คำแนะนำจากหน่วยงานกุมารเวชในสหรัฐอเมริกา
คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐฯ
คำแนะนำ
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อหนองใน – ระยะแพร่กระจาย
(ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา)
คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ
คำแนะนำ
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
(ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา)
คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐฯ
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย
เภสัชกรพิมพ์จิต วัฒนชโนบล
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย