ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
ยาเฟอร์รัสซัลเฟต (Ferrous sulfate) เป็นอาหารเสริมธาตุเหล็กที่ใช้เพื่อรักษาหรือป้องกันระดับธาตุเหล็กในเลือดต่ำ (เช่น สำหรับโรคโลหิตจางหรือระหว่างตั้งครรภ์) ธาตุเหล็กนั้นมีความจำเป็นสำหรับร่างกายในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและเพื่อทำให้คุณมีสุขภาพที่ดี
ธาตุเหล็กนั้นจะดูดซึมได้ดีที่สุดหากรับประทานขณะท้องว่าง (โดยปกติคือรับประทาน 1 ชั่วโมงก่อน หรือ 2 ชั่วโมงหลังจากมื้ออาหาร) หากเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วนสามารถรับประทานยาพร้อมกับอาหารได้ อ่านคำแนะนำด้านล่างสำหรับวิธีการใช้ยาหยดสำหรับทารก/เด็ก หลีกเลี่ยงการใช้ยาลดกรด ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ชา หรือกาแฟภายใน 2 ชั่วโมงก่อนและหลังจากใช้ยานี้เนื่องจากอาจจะลดประสิทธิภาพของยานี้
รับประทานยาเม็ดหรือยาแคปซูลพร้อมกับดื่มน้ำหนึ่งแก้ว (8 ออนซ์ หรือ /240 มล.) เว้นเสียแต่ว่าแพทย์จะสั่งให้ทำแบบอื่น อย่าล้มตัวลงนอนเป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาทีหลังจากรับประทานยา
กลืนยาแคปซูลแบบออกฤทธิ์นานลงไปทั้งเม็ด อย่าบดหรือเคี้ยวยาแคปซูลหรือยาเม็ดแบบออกฤทธิ์นานเนื่องจากอาจจะทำให้ยาออกฤทธิ์ทั้งหมดมาในคราวเดียวและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง นอกจากนี้ยังไม่ควรแบ่งเม็ดยาออกฤทธิ์นาน เว้นเสียแต่ว่าจะมีเส้นแบ่งเม็ดยาและแพทย์หรือเภสัชกรสั่งให้คุณทำเช่นนั้น กลืนยาทั้งเม็ดหรือส่วนที่แบ่งลงไปโดยไม่ต้องบดหรือเคี้ยว
หากคุณใช้ยาเม็ดสำหรับเคี้ยว ควรเคี้ยวยาให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยกลืน
หากคุณใช้ยาแบบยาน้ำแขวนตะกอน ควรเขย่าขวดให้ดีก่อนใช้ทุกครั้ง
หากคุณใช้ยาน้ำสำหรับผู้ใหญ่ ควรตวงยาให้ดีโดยใช้ช้อนหรืออุปกรณ์สำหรับตวงยา อย่าใช้ช้อนธรรมดาเพราะอาจจะได้ขนาดยาที่ไม่ถูกต้อง ผสมยากับน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้แล้วดื่มลงไปผ่านทางหลอดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบที่ฟัน
หากคุณใช้ยาหยดสำหรับทารกหรือเด็ก ควรใช้หลอดหยดยาที่แถมมาเพื่อตวงยาอย่างระมัดระวัง สามารถให้ยาเข้าปากโดยตรง (ให้ทางด้านหลังของลิ้น) หรืออาจจะผสมกับอาหารสำหรับเด็ก (ไม่ใช่นม) น้ำผลไม้ ซีเรียล หรืออาหารอื่นๆ ตามที่กำหนดเพื่อให้เด็กสามารถรับประทานได้ ควรให้ยาทันทีหลังมื้ออาหาร ทำตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ของยายี่ห้อที่คุณใช้
ใช้ยาเป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากยา เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
ยาเฟอร์รัสซัลเฟตควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาเฟอร์รัสซัลเฟตบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาเฟอร์รัสซัลเฟตลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูก สอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ไม่ควรใช้ยานี้หากคุณมีสภาวะบางอย่าง ก่อนใช้ยานี้โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ความผิดปกติจากการมีธาตุเหล็กเกิน เช่น ภาวะเหล็กเกิน (hemochromatosis) หรือภาวะฮีโมซิเดอรินเกิน (hemosiderosis)
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะดื่มสุราหรือใช้แอลกอฮอล์ในทางที่ผิด ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือลำไส้ (เช่น มีแผลหรือลำไส้ใหญ่อักเสบ)
หากอาหารเสริมธาตุเหล็กยี่ห้อที่คุณใช้มีส่วนผสมของกรดโฟลิก โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณมีภาวะขาดวิตามินบี12 หรือภาวะโลหิตจางอย่างร้าย (pernicious anemia) ก่อนใช้ยานี้ กรดโฟลิกอาจจะทำให้ผลการตรวจหาภาวะขาดวิตามินบี12 ของคุณดีขึ้นอย่างเป็นเท็จโดยที่ไม่ได้รักษาภาวะโลหิตจางนี้จริงๆ ภาวะขาดวิตามินบี12 ที่ไม่ได้รับการรักษานั้นอาจจะส่งผลให้เกิดปัญหากับประสาทที่รุนแรงได้ เช่น อาการปลายประสาทอักเสบ (peripheral neuropathy) อย่างรู้สึกชา ปวด หรือเป็นเหน็บ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ยาเม็ดแบบเคี้ยวอาจจะมีส่วนผสมของแอสปาร์แตม (aspartame) หากคุณเป็นโรคฟีนิลคีโตนูเรีย (phenylketonuria) หรือสภาวะอื่นที่ต้องจำกัดการบริโภคแอสปาร์แตม หรือสารฟีนิลอะลานีน (phenylalanine) โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยานี้อย่างปลอดภัย
ยาเตรียมแบบน้ำอาจจะมีส่วนผสมของน้ำตาลหรือแอลกอฮอล์ ควรระมัดระวังการใช้ยาหากคุณเป็นโรคเบาหวาน มีภาวะพึ่งพาสุรา หรือเป็นโรคตับ โปรดสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยานี้อย่างปลอดภัย
ในช่วงขณะการตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาความเสี่ยงและประโยชน์กับแพทย์
ยานี้สามารถส่งผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา
ยาเฟอร์รัสซัลเฟตจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด N โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
อาจเกิดอาการท้องผูก ท้องร่วง ปวดท้อง หรือท้องไส้ปั่นป่วน อาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นชั่วคราวและอาจจะหายไปเมื่อร่างกายสามารถปรับตัวเข้ากับยาได้แล้ว หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
ธาตุเหล็กอาจจะทำให้อุจจาระเปลี่ยนเป็นสีดำซึ่งไม่เป็นอันตรายใดๆ
โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่นยาเพนิซิลลามีน (penicillamine) ยาคลอแรมเฟนิคอล (chloramphenicol) ยาควิโนโลน (quinolones) อย่างไซโพรฟลอกซาซิน (ciprofloxacin) หรือนอร์ฟลอกซาซิน (norfloxacin) ยาไบฟอสโฟเนต (bisphosphonates) เช่น ยาอะเลนโดรเนต (alendronate) ยาเลโวโดพา (levodopa) ยาเมทิลโดพา (methyldopa) ยาทดแทนฮอร์โมนไทรอยด์ เช่นยาเลโวไทรอกซีน (levothyroxine)
หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้พร้อมกับยาลดกรดหรือยาปฏิชีวนะเตตราไซคลีน ควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงระหว่างการใช้ยานี้กับยาลดกรดหรือยาเตตราไซคลีน
หากยายี่ห้อที่คุณใช้มีส่วนผสมของกรดโฟลิก โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณใช้ยาต้านชักบางชนิด เช่น ยาไฮแดนโทอิน (hydantoins) อย่าง เฟนีโทอิน (phenytoin)
ยานี้อาจส่งผลกระทบต่อผลการตรวจในห้องแล็บบางชนิด (เช่น การตรวจหาเม็ดเลือดแดงในอุจจาระ) และอาจทำให้ผลตรวจเป็นเท็จได้ โปรดแจ้งบุคลากรในห้องแล็บและแพทย์ของคุณทุกคนให้ทราบว่าคุณกำลังใช้ยานี้
ยาเฟอร์รัสซัลเฟตอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาเฟอร์รัสซัลเฟตอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาเฟอร์รัสซัลเฟตอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาเฟอร์รัสซัลเฟตสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
ขนาดยาเริ่มต้น ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 600 มก./วัน (ธาตุเหล็ก 120 มก./วัน) เป็นเวลา 3 เดือน
-แบ่งรับประทาน (วันละ 1-3 ครั้ง)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะโลหิตจางที่เกี่ยวข้องกับโรคไตล้มเหลวเรื้อรัง
ขนาดยาเริ่มต้น ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 1000 มก./วัน (ธาตุเหล็ก 200 มก./วัน) แบ่งรับประทาน (วันละ 1-3 ครั้ง)
คำแนะนำ
-หากยังไม่ถึงเป้าหมายจากการรับประทานยาธาตุเหล็กเป็นเวลานาน 1-3 เดือน อาจพิจารณาให้ยาเสริมธาตุเหล็กผ่านทางหลอดเลือดดำ
-การใช้ยาในขนาดต่ำทุกวันอาจจะทนได้ดีกว่า
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อเป็นอาหารเสริมวิตามิน/แร่ธาตุ
ขนาดยาเริ่มต้น 1 เม็ดวันละครั้ง
หรือ
ขนาดยาเริ่มต้น ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 30-90 มก./วัน (ธาตุเหล็ก 6-18 มก./วัน) แบ่งรับประทาน (วันละ 1-3 ครั้ง)
51 ขึ้นไป ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 25-40 มก./วัน (ธาตุเหล็ก 5-8 มก./วัน) แบ่งรับประทาน (วันละ 1-3 ครั้ง)
การปรับขนาดยาสำหรับไต
ไม่มีการปรับขนาดยาที่แนะนำ
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
ไม่มีการปรับขนาดยาที่แนะนำ
การปรับขนาดยา
เป็นอาหารเสริมวิตามิน/ป้องกันภาวะโลหิตจาง
อายุ 14-18 ปี : ตั้งครรภ์ : ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 115-135 มก./วัน (ธาตุเหล็ก 23-27 มก./วัน)
อายุ 14-18 ปี : ให้นมบุตร : ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 35-50 มก./วัน (ธาตุเหล็ก 7-10 มก./วัน)
อายุ 19-50 ปี : ตั้งครรภ์ : ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 110-135มก./วัน (ธาตุเหล็ก 22-27 มก./วัน)
อายุ 19-50 ปี : ให้นมบุตร : ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 32.5-45 มก./วัน (ธาตุเหล็ก 6.5-9 มก./วัน)
ขนาดยาสูงสุด 225 มก. (ธาตุเหล็ก 45 มก./วัน)
รักษาภาวะโลหิตจาง
ตั้งครรภ์ ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 300-600 มก. (ธาตุเหล็ก 60-120 มก./วัน)
การฟอกไต (Dialysis)
ตามปกติจะมีการเสริมธาตุเหล็กเป็นประจำสำหรับผู้ป่วยที่ต้องทำการฟอกไตผ่านทางช่องท้อง (peritoneal dialysis) และการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis) เพื่อป้องกันหรือรักษาภาวะโลหิตจางที่เกี่ยวข้องกับโรคไตล้มเหลวเรื้อรัง
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการใช้ยา
-กาแฟ ชา นม ซีเรียล เส้นใยอาหาร และน้ำอัดลมที่มีฟอสเฟตจะลดการดูดซึมธาตุเหล็ก
-อหารเสริมที่มีแคลเซียม สังกะสี แมงกานีส หรือทองแดงจะลดการดูดซึมธาตุเหล็ก
-ยาลดกรด ยาเอช2 บล็อกเกอร์ (H2 blockers) และยาโปรตอนปั๊ม อินฮิบิเตอร์ (proton pump inhibitors) จะลดการดูดซึมธาตุเหล็ก อย่าใช้ยาเหล่านี้ภายใน 1-2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยาธาตุเหล็ก
-วิตามินซีและอาหารที่เป็นกรดจะช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก
-ยารูปแบบออกฤทธิ์ช้าและเคลือบเอนเทอริกนั้นสามารถทนได้ดีกว่าแต่อาจจะดูดซึมได้ไม่ดีเท่ากับแบบอื่น
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
-การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีธาตุเหล็กเกินขนาดอาจทำให้เป็นพิษและเสียชีวิตได้สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี
-เก็บยาให้พ้นจากมือของเด็ก
-ในกรณีการใช้ยาเกินขนาด โปรดติดต่อแพทย์หรือศูนย์พิษวิทยาในทันที
ขนาดยาเฟอร์รัสซัลเฟตสำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
อายุ 0-5 ปี : ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 15-30 มก./กก./วัน (ธาตุเหล็ก 3-6 มก./วัน)
อายุ 5-12 ปี : ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 300 มก. (ธาตุเหล็ก 60 มก./วัน)
อายุ 12-18 ปี : เพศชาย ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 300 มก. (ธาตุเหล็ก 60 มก.) วันละ 2 เม็ด
อายุ 12-18 ปี : เพศหญิง 300-600 มก./วัน (ธาตุเหล็ก 60-120 มก./วัน)
-แบ่งรับประทาน (วันละ 1-3 ครั้ง)
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อเป็นอาหารเสริมวิตามิน/แร่ธาตุ
ทารกคลอดก่อนกำหนด (อายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์) อายุ 0-12 เดือน ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 10 มก./กก./วัน (ธาตุเหล็ก 2 มก./กก./วัน)
อายุ 0-6 เดือน : 1-1.35 มก./วัน (ธาตุเหล็ก 0.2-0.27 มก./วัน)
อายุ 7-12 เดือน : 35-55 มก./วัน (7-11 มก./วัน)
อายุ 1-3 ปี : 20-45 มก./วัน (4-9 มก./วัน)
อายุ 4 ถึง 8 ปี 20 ถึง 50 มก./วัน (4 ถึง 10 มก./วัน)
อายุ 9-13 ปี : 30-40 มก./วัน (6-8 มก./วัน)
อายุ 14-18 ปี : 40-75 มก./วัน (8-15 มก./วัน)
-แบ่งรับประทาน (วันละ 1-3 ครั้ง)
หรือ
ยาเม็ด (ยาเฟอร์รัสซัลเฟต 325 มก. ธาตุเหล็ก 65 มก.)
อายุ 12 ปีขึ้นไป 1 เม็ด รับประทานวันละครั้ง
ข้อควรระวัง
-การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีธาตุเหล็กเกินขนาดอาจทำให้เป็นพิษและเสียชีวิตได้สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี
-เก็บยาให้พ้นจากมือของเด็ก
-ในกรณีการใช้ยาเกินขนาด โปรดติดต่อแพทย์หรือศูนย์พิษวิทยาในทันที
รูปแบบของยา
ขนาดและรูปแบบของยามีดังนี้
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย