backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

แคนซิดาส (Cancidas)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ข้อบ่งใช้

ยาแคนซิดาส (แคสโปฟังกิน) ใช้สำหรับ

แคนซิดาส (cancidas) หรือแคสโปฟังกิน (caspofungin) ใช้เพื่อการรักษาการติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อราต่าง ๆ ยาแคสโปฟังกิน จัดอยู่ในกลุ่มยา แอคไคโนแคนดิน (echinocandins) ซึ่งทำหน้าที่ยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา

ควรใช้ยาแคนซิดาส (แคสโปฟังกิน) อย่างไร

ฉีดยาเข้าสู่เส้นเลือดภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยปกติแล้วจะฉีดวันละครั้งมากกว่า 1 ชั่วโมง ปริมาณยาและระยะเวลาของการรักษาขึ้นอยู่กับอาการของโรค การตอบสนองต่อการรักษา และยาอื่น ๆ ที่คุณกำลังรับอยู่ ควรแจ้งประวัติการใช้ยา (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อเองได้ และสมุนไพรต่าง ๆ) ให้หมอรับทราบเสมอ สำหรับการใช้ยาในเด็กนั้น ปริมาณของยานั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดของร่างกายด้วย

หากคุณใช้ยาที่บ้าน ควรศึกษาวิธีการเตรียมการและการใช้งานจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ ก่อนการใช้ยาอย่าลืมตรวจสอบดูว่า มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือไม่ เช่น การตกตะกอน หรือมีการเปลี่ยนสีหรือไม่ หากพบ อย่าใช้ยานั้นเป็นอันขาด ควรเรียนรู้วิธีที่จะเก็บรักษาและทิ้งยาที่ไม่ใช้แล้วอย่างปลอดภัย

การเกิดการแพ้จากการฉีดยาอาจจะเกิดขึ้นได้ระหว่างที่กำลังรับการรักษา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากเกิดอาการ เช่น เป็นไข้ หนาวสั่น หอบ ผิวหนังเป็นสีแดง หรือมีอาการมึนหัว

ควรใช้ยาประจำอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งครบตามกำหนด แม้อาการของโรคจะหายไปหลังจากเริ่มการรักษาไม่กี่วัน เนื่องจากการหยุดใช้ยาก่อนกำหนดอาจทำให้กลับมาติดเชื้ออีกครั้งได้

แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากอาการของคุณไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแย่ลง

วิธีเก็บรักษายาแคนซิดาส (แคสโปฟังกิน)

เก็บรักษาผงยาแคนซิดาสไว้ในตู้เย็น ห้ามใส่ในช่องแช่แข็ง ควรนำยาออกมาไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อนการใช้งาน

หลังจากที่ผสมตัวยาแคนซิดาสสารเจือจางในถุงน้ำเกลือหรือขวด คุณอาจจะเก็บรักษาส่วนผสมนี้ได้นานสุดถึง 24 ชั่วโมงที่อุณหภูมิห้อง หรือมากสุด 48 ชั่วโมงในตู้เย็น ยาแคนซิดาสบางยี่ห้ออาจจะต้องการการเก็บรักษาที่แตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาเพื่อวิธีการเก็บรักษายาที่ถูกต้อง หรือสอบถามเภสัชกร เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือของเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไม่ควรทิ้งยาแคสซิดาสลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อสินค้าหมดอายุหรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง

ข้อควรระวังและคำเตือน

สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้ยาแคนซิดาส (แคสโปฟังกิน)

ก่อนใช้ยาแคนซิดาส (แคสโปฟังกิน) โปรดแจ้งกับแพทย์หรือเภสัชกร หากคุณมีอาการแพ้ยานี้ หรือแพ้ยาต้านเชื้อราในกลุ่ม แอคไคโนแคนดิน อื่น ๆ เช่น แอนิดูลาฟังกิน (anidulafungin) หรือ ไมคาฟังกิน (micafungin ) หรือมีอาการแพ้อื่น ๆ เนื่องจากยานี้อาจมีส่วนผสมที่ไม่ออกฤทธิ์ในการรักษาบางอย่างที่ทำให้เกิดการแพ้หรือปัญหาอื่น ๆ ควรปรึกษากับเภสัชกรก่อนเสมอ

ก่อนการใช้ยาอย่าลืมแจ้งประวัติการรักษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง โดยเฉพาะหากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับโรคตับ

ก่อนการผ่าตัดควรแจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ ให้ทราบถึงประวัติการใช้ยา (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อเองได้ และสมุนไพรต่าง ๆ)

ในช่วงของการตั้งครรภ์ ควรใช้ยานี้เมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น และควรปรึกษากับแพทย์หรือความเสี่ยงและผลดีในการใช้งาน

ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ยานี้สามารถติดต่อผ่านทางน้ำนมแม่ได้หรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการให้นมบุตร

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือการให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยาแคนซิดาส ขณะที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร จึงควรปรึกษากับหมอเพื่อหาความเสี่ยงของการใช้ยา

ยาแคนซิดาสจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อหญิงตั้งครรภ์ประเภท C โดยองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA)

ประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อหญิงตั้งครรภ์จัดลำดับโดยองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ มีดังนี้

  • A = ไม่มีความเสี่ยง
  • B = ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C = อาจจะมีความเสี่ยง
  • D = ค่อนข้างมีความเสี่ยง
  • X = ยาต้องห้าม
  • N = ไม่มีข้อมูล

ผลข้างเคียง

ยาแคนซิดาส (แคสโปฟังกิน) มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง

อาจมีอาการบวม รอยแดง และระคายเคืองที่บริเวณที่ฉีดยา หรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง หรือปวดหัว หากมีอาการแย่ลง ควรแจ้งหมอให้หรือเภสัชกรทราบในทันที

การที่หมอให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าผลเสียที่อาจเกิดขึ้น และคนส่วนมากที่ใช้ยาชนิดนี้ไม่มีอาการผลข้างเคียงที่ร้ายแรง

แจ้งแพทย์ให้ทราบในทันที หากคุณเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ประกอบด้วย อาการของโรคตับ (เช่น คลื่นไส้ อาเจียนไม่หยุด ไม่อยากอาหาร ปัสสาวะสีเข้ม ปวดท้องท้อง ผิวหรือตาเป็นสีเหลือง) มีอาการบวมที่ข้อเท้า เท้าและมือ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เป็นตะคริว

โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะไม่มีการแพ้ยาตัวนี้แบบรุนแรง แต่ถ้าพบอาการแพ้อย่างรุนแรง เช่น เกิดผื่น มีอาการคันหรือบวมที่บริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ มึนหัวอย่างรุนแรง หายใจติดขัด ควรไปปรึกษาแพทย์ทันที

ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจมีผลข้างเคียงอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวไปข้างต้น หากคุณมีข้อกังวลใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

การเกิดปฏิกิริยา

ยาที่อาจทำปฏิกิริยากับยาแคนซิดาส (แคสโปฟังกิน)

ยาแคนซิดาส (แคสโปฟังกิน) อาจเกิดอันตรกิริยากับยาชนิดอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่าคุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาที่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนยา โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาแคนซิดาส (แคสโปฟังกิน) อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ภาวะโรคที่อาจส่งผลกับยาคานซิดาส (แคสโปฟังกิน)

ยาแคนซิดาส (แคสโปฟังกิน) อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะสุขภาพของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งก่อนการใช้งานยาแคนซิดาส (แคสโปฟังกิน)

ขนาดยาแคนซิดาส (แคสโปฟังกิน)สำหรับผู้ใหญ่

ขนาดสำหรับผู้ใหญ่เพื่อใช้รักษาโรคแอสเปอร์จิลโลซีส อินเวสีฟ (Aspergillosis – Invasive)

สำหรับคนไข้ที่ที่มีอาการดื้อยาหรือแพ้ยาชนิดอื่น

ขนาดยาเริ่มต้น : ให้ยาทางเลือด (IV) 70 มก.ในวันแรก

ขนาดยาปกติ: ให้ยาทางเลือด (IV) 50 มก. วันละครั้ง

ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคประจำตัวของคนไข้ การกดภูมิคุ้มกัน และการตอบสนองต่อการรักษา

ขนาดสำหรับผู้ใหญ่เพื่อใช้รักษาอาการติดเชื้อราแคนดิดาในกระแสเลือด (Candidemia)

อาการติดเชื้อราแคนดิดาในกระแสเลือดและอาการติดเชื้อแคนดิดาดังต่อไปนี้ การเกิดหนองในช่องท้อง (intra-abdominal abscesses) เยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) การติดเชื้อที่เยื่อหุ้มปอด (pleural space infections)

ขนาดยาเริ่มต้น : ให้ทางเส้นเลือด (IV) 70 มก. ในวันแรก

ขนาดยาปกติ: ให้ทางเส้นเลือด (IV) 50 มก. วันละครั้ง

ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย และการตอบสนองทางจุลชีววิทยา ตามปกติแล้วการต้านเชื้อราควรดำเนินไปอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 14 วัน หลังจากการเพาะเชื้อที่ผลออกมาเป็นบวก สำหรับคนไข้ที่มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ อาจต้องรับการรักษาที่ยาวนานกว่านั้น จนกว่าจะหายจากภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ

ขนาดสำหรับผู้ใหญ่เพื่อใช้รักษาอาการติดเชื้อราในหลอดอาหาร (Esophageal Candidiasis)

ให้ทางเส้นเลือด (IV) 50 มก. วันละครั้ง เป็นเวลา 7 ถึง 14 วันหลังจากมีอาการ

ยังไม่มีการวิจัยที่น่าเชื่อถือเรื่องการใช้ยานี้ในขนาด 70 มก. และเนื่องจากผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการติดเชื้อราแคนดิดาที่บริเวณคอหอยมีความเสี่ยงที่อาการอาจจะทรุดตัวลงได้ จึงควรลองพิจารณาวิธีการรักษาด้วยการกดการทำงานของช่องปาก

ขนาดสำหรับผู้ใหญ่เพื่อใช้รักษาภาวะไข้จากระดับเม็ดเลือดขาวต่ำ (Febrile Neutropenia)

การใช้ยาต้านจุลชีพครอบคลุมเชื้อแบบกว้างๆ (Empirical therapy)

ขนาดยาเริ่มต้น: ให้ทางเส้นเลือด (IV) 70 มก.ในวันแรก

ขนาดยาปกติ: ให้ทางเส้นเลือด (IV) 50 มก. วันละครั้ง

ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย ใช้ยาต้านจุลชีพต่อเนื่องจนกระทั่งหายจากภาวะไข้จากระดับเม็ดเลือดขาวต่ำ ผู้ป่วยที่พบว่ามีการติดเชื้อรา ควรได้รับการรักษาอย่างน้อย 14 วัน การรักษาควรดำเนินไปอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 7 วัน หลังจากที่อาการไข้จากระดับเม็ดเลือดต่ำและอาการของโรคอื่นๆ หายดีแล้ว ถ้าหากใช้ยาตามปกติในปริมาณ 50 มก. ต่อวันแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น ให้เพิ่มปริมาณขนาดยาเป็น 70 มก. ต่อวัน

การปรับขนาดยาเนื่องจากโรคไต

ไม่ควรปรับเปลี่ยนขนาดยา

การปรับขนาดยาเนื่องจากโรคตับ

ผู้ใหญ่:

ผู้ที่มีอาการตับวายในระดับต่ำ (ระดับ Child-Pugh 5 ถึง 6): ไม่ควรปรับเปลี่ยนปริมาณยา

ผู้ที่มีอาการตับวายในระดับต่ำ (ระดับ Child-Pugh 7 ถึง 9):

ขนาดยาเริ่มต้น (เมื่อได้รับคำแนะนำ): ให้ทางเส้นเลือด (IV) 70 มก. ในวันแรก

ขนาดยาปกติ: ให้ทางเส้นเลือด (IV) 35 มก. วันละครั้ง

การปรับขนาดยา

ผู้ใหญ่:

ผู้ที่ใช้ยาไรแฟมพิปิน (rifampin): ควรใช้ยาแคสโปฟังกิน 70 มก. วันละครั้ง

ผู้ที่ใช้ยาเนวิราปีน (nevirapine) ยาเอฟฟาไวเร็นซ์ (efavirenz) ยาคาร์บามาซีปีน (carbamazepine) ยาเดกซาเมทาโซน (dexamethasone) หรือยาเฟนิโทอิน (phenytoin) อาจต้องเพิ่มขนาดยาแคสโปฟังกินเป็น 70 มก. วันละครั้ง

การฟอกเลือด

ยาแคสโปฟังกินไม่สามารถขจัดออกได้ด้วยวิธีการฟอกไต ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้เพิ่มขนาดยา

คำแนะนำอื่น ๆ

ควรฉีดยาแคสโปฟังกินด้วยสายน้ำเกลือแบบช้า อย่างน้อยประมาณ 1 ชั่วโมง

ขนาดยาแคนซิดาส (แคสโปฟังกิน) สำหรับเด็ก

ขนาดสำหรับเด็กเพื่อใช้รักษาอาการติดเชื้อราแคนดิดาในกระแสเลือด (Candidemia)

อาการติดเชื้อราแคนดิดาในกระแสเลือดและอาการติดเชื้อแคนดิดาอย่างเช่น การเกิดหนองในช่องท้อง (intra-abdominal abscesses) เยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) การติดเชื้อที่เยื่อหุ้มปอด (pleural space infections)

อายุ 3 เดือน หรือมากกว่า:

ขนาดยาเริ่มต้น: ให้ทางเส้นเลือด (IV) 70 มก./ตารางเมตร ในวันแรก

ขนาดยาปกติ: ให้ทางเส้นเลือด (IV) 50 มก./ตารางเมตร วันละครั้ง

ขนาดยาเริ่มต้นและปกติไม่ควรเกิน 70 มก. โดยไม่คำนึงถึงขนาดยาของคนไข้ที่คำนวณแล้ว หากการให้ยาทางเส้นเลือด (IV) 50 มก./ตารางเมตร วันละครั้งไม่ทำให้อาการดีขึ้น สามารถเพิ่มขนาดยาเป็น 70 มก./ตารางเมตร วันละครั้ง (ห้ามเพิ่มมากไปกว่า 70 มก.)

ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย และการตอบสนองของจุลชีพ ตามปกติแล้วการต้านเชื้อราควรดำเนินไปอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 14 วัน หลังจากการพบการเพาะเชื้อที่เป็นบวก สำหรับคนไข้ที่มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ อาจต้องรับการรักษาที่ยาวนานกว่านั้น จนกว่าจะหายจากภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ

ขนาดสำหรับเด็กเพื่อใช้รักษาโรคแอสเปอร์จิลโลซีส อินเวสีฟ (Aspergillosis – Invasive)

สำหรับคนไข้ที่มีอาการดื้อยาหรือแพ้ยาตัวอื่น

อายุ 3 เดือน หรือมากกว่า:

ขนาดยาเริ่มต้น: ให้ยาทางเส้นเลือด (IV) 70 มก./ตารางเมตร ในวันแรก

ขนาดยาปกติ: ให้ยาทางเส้นเลือด (IV) 50 มก./ตารางเมตร วันละครั้ง

ขนาดยาเริ่มต้นและปกติไม่ควรเกิน 70 มก. โดยไม่คำนึงถึงขนาดยาของคนไข้ที่คำนวณแล้ว หากการใช้ยาในขนาด 50 มก./ตารางเมตร วันละครั้ง นั้นไม่ทำให้อาการดีขึ้น สามารถเพิ่มขนาดยาเป็น 70 มก./ตารางเมตร วันละครั้ง (ห้ามเพิ่มมากไปกว่า 70 มก.)

ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคประจำตัวของคนไข้ การกดภูมิคุ้มกัน และการตอบสนองต่อการรักษา

ขนาดสำหรับเด็กเพื่อใช้รักษาอาการติดเชื้อราในหลอดอาหาร (Esophageal Candidiasis)

อายุ 3 เดือน หรือมากกว่า:

ขนาดยาเริ่มต้น: ให้ยาทางเส้นเลือด (IV) 70 มก./ตารางเมตร ในวันแรก

ขนาดยาปกติ: ให้ยาทางเส้นเลือด (IV) 50 มก./ตารางเมตร วันละครั้ง เป็นเวลา 7 ถึง 14 วันหลังจากอาการดีขึ้น

ขนาดยาเริ่มต้นและปกติไม่ควรเกิน 70 มก. โดยไม่คำนึงถึงขนาดยาของคนไข้ที่คำนวณแล้ว หากการใช้ยาในขนาด 50 มก./ตารางเมตร วันละครั้ง นั้นไม่ทำให้อาการดีขึ้น สามารถเพิ่มขนาดยาเป็น 70 มก./ตารางเมตร วันละครั้ง (ห้ามเพิ่มมากไปกว่า 70 มก.)

เนื่องจากผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการติดเชื้อราแคนดิดาที่บริเวณคอหอยมีความเสี่ยงที่อาการอาจจะทรุดตัวลงได้ จึงควรลองพิจารณาวิธีการรักษาด้วยการกดการทำงานของช่องปาก

ขนาดสำหรับเด็กเพื่อใช้รักษาภาวะไข้จากระดับเม็ดเลือดขาวต่ำ (Febrile Neutropenia)

การใช้ยาต้านจุลชีพครอบคลุมเชื้อแบบกว้างๆ (Empirical therapy):

อายุ 3 เดือน หรือมากกว่า:

ขนาดยาเริ่มต้น: ให้ยาทางเส้นเลือด (IV)70 มก./ตารางเมตร ในวันแรก

ขนาดยาปกติ: ให้ยาทางเส้นเลือด (IV) 50 มก./ตารางเมตร วันละครั้ง

ขนาดยาเริ่มต้นและปกติไม่ควรเกิน 70 มก. โดยไม่คำนึงถึงขนาดยาของคนไข้ที่คำนวณแล้ว หากการใช้ยาในขนาด50 มก./ตารางเมตร วันละครั้ง นั้นไม่ทำให้อาการดีขึ้น สามารถเพิ่มขนาดยาเป็น 70 มก./ตารางเมตร วันละครั้ง (ห้ามเพิ่มมากไปกว่า 70 มก.)

ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย ใช้ยาต้านจุลชีพต่อเนื่องจนกระทั่งหายจากภาวะไข้จากระดับเม็ดเลือดขาวต่ำ ผู้ป่วยที่พบว่ามีการติดเชื้อราควรได้รับการรักษาอย่างน้อย 14 วัน การรักษาควรดำเนินไปอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 7 วัน หลังจากที่อาการไข้จากระดับเม็ดเลือดต่ำและอาการของโรคอื่นๆ หายดีแล้ว ถ้าหากใช้ยาตามปกติในปริมาณ 50 มก. ต่อวันแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น ให้เพิ่มปริมาณขนาดยาเป็น 70 มก. ต่อวัน

การปรับขนาดยา

สำหรับเด็ก

ผู้ที่ใช้ยาร่วมกับตัวเหนี่ยวนำการกำจัดยาออกจากร่างกาย เช่น ยาไรแฟมพิปิน (rifampin) ยาเอฟฟาไวเร็นซ์ (efaviren) ยาเนวิราปีน (nevirapine) ยาเฟนิโทอิน (phenytoin) ยาเดกซาเมทาโซน (dexamethasone) หรือยาคาร์บามาซีปีน (carbamazepine): ใช้ยาแคสโปฟังกิน 70 มก./ตารางเมตร วันละครั้ง (ห้ามเกินกว่า 70 มก.)

ข้อควรระวัง

ยังไม่มียาที่ปลอดภัยและได้ผลสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 3 เดือน

รูปแบบยาคานซิดาส (แคสโปฟังกิน)

ยาคานซิดาส (แคสโปฟังกิน) มีขนาดและรูปแบบยาดังนี้

  • ผงยาสำหรับใช้ละลายฉีดเข้าหลอดเลือดดำ

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยา ควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์

ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา