backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

โรซูวาสแตติน (Rosuvastatin)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

โรซูวาสแตติน (Rosuvastatin)

ข้อบ่งใช้

ยา โรซูวาสแตติน ใช้สำหรับ

ยาโรซูวาสแตติน (Rosuvastatin) ใช้ร่วมกับการรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อลดระดับของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีและไขมัน เช่น ไขมันแอลดีแอล (LDL) หรือไตรกลีเซอไรด์ (triglycerides) และเพิ่มระดับของคอเลสเตอรอลที่ดีหรือไขมันเอชดีแอล (HDL) ภายในเลือด ยานี้อยู่ในกลุ่มของยาสแตติน (statins) ทำงานโดยการลดระดับของคอเลสเตอรอลที่ตับผลิต การลดระดับของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีและไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่มระดับของคอเลสเตอรอลที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจวาย

นอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ (เช่นอาหารที่มีคอเลสเตอรอลต่ำหรือไขมันต่ำ) การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ก็อาจจะช่วยให้ยาทำงานได้ดีขึ้น ทั้งการออกกำลังกาย การลดน้ำหนักหากมีน้ำหนักเกิน และหยุดสูบบุหรี่ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

วิธีการใช้ยาโรซูวาสแตติน

รับประทานยานี้พร้อมกับอาหารหรือรับประทานแยกต่างหากตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติคือวันละครั้ง

ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ การตอบสนองต่อการรักษา อายุ เชื้อชาติ และยาอื่นๆ ที่คุณกำลังใช้ โปรดแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่ง ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ) หากคุณมีเชื้อสายเอเชีย แพทย์อาจจะสั่งให้คุณเริ่มใช้ยาในขนาดที่ต่ำกว่าเนื่องจากคุณอาจจะมีปฏิกิริยาไวต่อผลข้างเคียงมากกว่า

ยาลดกรดที่มีส่วนผสมของอะลูมิเนียมหรือแมกนีเซียมสามารถลดการดูดซึมยานี้ได้ ดังนั้นหากคุณต้องใช้ยาลดกรดประเภทนี้ ควรรับประทานยาลดกรดอย่างน้อย 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยานี้

ใช้ยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน คุณควรจะใช้ยานี้อย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะรู้สึกเป็นปกติ คนส่วนใหญ่ที่มีระดับคอเลสเตอรอลหรือไตรกลีเซอไรด์สูงนั้นจะไม่รู้สึกป่วย

คุณควรจะทำตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย อาจต้องใช้เวลานานถึง 4 สัปดาห์กว่าที่คุณจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากยา

การเก็บรักษายา โรซูวาสแตติน

ยาโรซูวาสแตตินควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาโรซูวาสแตตินบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไม่ควรทิ้งยาโรซูวาสแตตินลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูก สอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา โรซูวาสแตติน

ก่อนใช้ยาโรซูวาสแตติน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะโรคตับ โรคไต ดื่มสุรา

ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)

ควรจำกัดปริมาณการดื่มสุรา การดื่มสุราทุกวันอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาเกี่ยวกับตับได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับยาโรซูวาสแตติน โปรดสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ผู้สูงอายุอาจจะมีปฏิกิริยาไวต่อผลข้างเคียงของยานี้ได้มากกว่า โดยเฉพาะปัญหากับกล้ามเนื้อ

ห้ามใช้ยานี้ขณะตั้งครรภ์ ยาโรซูวาสแตตินอาจจะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นจึงควรป้องกันการตั้งครรภ์ขณะที่กำลังใช้ยานี้ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาเกี่ยวกับการคุมกำเนิดที่น่าเชื่อถือขณะที่กำลังใช้ยานี้ (เช่นถุงอนามัยหรืยาคุมกำเนิด) หากคุณตั้งครรภ์หรือคาดว่าอาจจะตั้งครรภ์ โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันที

ยานี้สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้ เนื่องจากโอกาสในการเป็นอันตรายต่อทารกจึงไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ขณะให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา

ยาโรซูวาสแตตินจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด X โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ห้ามใช้
  • N= ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ยา โรซูวาสแตติน

คนจำนวนน้อยที่ใช้ยาโรซูวาสแตตินอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับความจำหรือสับสนในระดับเบา หากเกิดอาการที่หายากเหล่านี้โปรดปรึกษาแพทย์

ในนานๆ ครั้ง ยาสแตตินอาจทำให้เกิดโรคเบาหวานหรือทำให้โรครุนแรงขึ้น โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยา

แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นแต่รุนแรงดังต่อไปนี้ ปัสสาวะเป็นฟอง

ในนานๆ ครั้งยานี้อาจจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจนำไปสู่สภาวะที่รุนแรงมากอย่างภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย (rhabdomyolysis) และโรคออโตอิมมูน มัยโอพาที (autoimmune myopathy) โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณมีอาการเหล่านี้ขณะทำการรักษาและหากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหลังจากหยุดใช้ยานี้ อาการปวด กดเจ็บ หรืออ่อนแรงที่กล้ามเนื้อ (โดยเฉพาะหากเป็นไข้หรืออ่อนล้าผิดปกติร่วมด้วย) สัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับไต (เช่น ปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนแปลง)

ในนานๆ ครั้งยานี้อาจจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับตับ หากคุณสังเกตเห็นผลข้างเคียงที่หายากแต่รุนแรงดังต่อไปนี้โปรดติดต่อแพทย์ในทันที ดวงตาหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง ปัสสาวะสีคล้ำ ปวดท้องอย่างรุนแรง คลื่นไส้อาเจียนบ่อยครั้ง

การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด

ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาที่อาจจะมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่ ยาเจือจางเลือด เช่น วาฟาริน (warfarin) ยาเจมไฟโบรซิล (gemfibrozil)

ยาอื่นๆ อาจจะส่งผลกระทบต่อการกำจัดยาโรซูวาสแตตินออกจากร่างกายและส่งผลกระทบต่อการทำงานของยาโรซูวาสแตตินได้ เช่น ยาเลดิพาสเวียร์ (ledipasvir) ยาโซฟอสบูเวียร์ (sofosbuvir) หรือยาเวลพาทาสเวียร์ (velpatasvir) หรือยาวอกซิลาพรีเวียร์ (voxilaprevir) และอื่นๆ

ยาโรซูวาสแตตินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาโรซูวาสแตตินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

อย่ารับประทานผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวยีสต์แดงขณะที่กำลังใช้ยาโรซูวาสแตตินเนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวยีสต์แดงบางชนิดอาจจะมีส่วนผสมของสแตตินบางประเภท อย่างโลวาสแตติน (lovastatin) การรับประทานยาโรซูวาสแตตินพร้อมกับผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวยีสต์แดงอาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อและตับที่รุนแรง

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ยาโรซูวาสแตตินอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาโรซูวาสแตตินสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia)

ขนาดยาเริ่มต้น 10-20 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาปกติ 5-40 มก. รับประทานวันละครั้ง

การใช้งาน ใช้เสริมการรับประทานอาหารสำหรับสภาวะดังต่อไปนี้ เพื่อชะลอความคืบหน้าของภาวะหลอดเลือดแข็ง เพื่อลดระดับของคอเลสเตอรอลโดยรวม (Total-C) คอเลสเตอรอลแอลดีแอล (LDL-C) อะโพไลโปตีน บี (ApoB) คอเลสเตอรอลนอนเอชดีแอล (nonHDL-C) และไตรกลีเซอไรด์ที่สูงเกินไป และเพื่อเพิ่มคอเลสเตอรอลเอชดีแอล (HDL-C) ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงปฐมภูมิหรือภาวะไขมันในเลือดผิดปกติแบบผสม (mixed dyslipidemia) เพื่อรักษาภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง เพื่อรักษา ภาวะไลโพโปรตีนในเลือดปฐมภูมิ (primary dysbetalipoproteinemia) (ภาวะไลโพโปรตีนในเลือดสูง ประเภท 3)

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะไลโพโปรตีนในเลือดสูง (Hyperlipoproteinemia) ประเภท 3 (ค่าเบต้าวีแอลดีแอล [VLDL] + ไอดีแอล [IDL] สูงเกินไป)

ขนาดยาเริ่มต้น 10-20 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาปกติ 5-40 มก. รับประทานวันละครั้ง

การใช้งาน ใช้เสริมการรับประทานอาหารสำหรับสภาวะดังต่อไปนี้ เพื่อชะลอความคืบหน้าของภาวะหลอดเลือดแข็ง เพื่อลดระดับของคอเลสเตอรอลโดยรวม (Total-C) คอเลสเตอรอลแอลดีแอล (LDL-C) อะโพไลโปตีน บี (ApoB) คอเลสเตอรอลนอนเอชดีแอล (nonHDL-C) และไตรกลีเซอไรด์ที่สูงเกินไป และเพื่อเพิ่มคอเลสเตอรอลเอชดีแอล (HDL-C) นผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงปฐมภูมิหรือภาวะไขมันในเลือดผิดปกติแบบผสม (mixed dyslipidemia) เพื่อรักษาภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง เพื่อรักษา ภาวะไลโพโปรตีนในเลือดปฐมภูมิ (primary dysbetalipoproteinemia) (ภาวะไลโพโปรตีนในเลือดสูง ประเภท 3)

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะไตรกลีเซอไรด์สูง (Hypertriglyceridemia)

ขนาดยาเริ่มต้น 10-20 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาปกติ 5-40 มก. รับประทานวันละครั้ง

การใช้งาน ใช้เสริมการรับประทานอาหารสำหรับสภาวะดังต่อไปนี้ เพื่อชะลอความคืบหน้าของภาวะหลอดเลือดแข็ง เพื่อลดระดับของคอเลสเตอรอลโดยรวม (Total-C) คอเลสเตอรอลแอลดีแอล (LDL-C) อะโพไลโปตีน บี (ApoB) คอเลสเตอรอลนอนเอชดีแอล (nonHDL-C) และไตรกลีเซอไรด์ที่สูงเกินไป และเพื่อเพิ่มคอเลสเตอรอลเอชดีแอล (HDL-C) นผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงปฐมภูมิหรือภาวะไขมันในเลือดผิดปกติแบบผสม (mixed dyslipidemia) เพื่อรักษาภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง เพื่อรักษา ภาวะไลโพโปรตีนในเลือดปฐมภูมิ (primary dysbetalipoproteinemia) (ภาวะไลโพโปรตีนในเลือดสูง ประเภท 3)

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis)

ขนาดยาเริ่มต้น 10-20 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาปกติ 5-40 มก. รับประทานวันละครั้ง

การใช้งาน ใช้เสริมการรับประทานอาหารสำหรับสภาวะดังต่อไปนี้ เพื่อชะลอความคืบหน้าของภาวะหลอดเลือดแข็ง เพื่อลดระดับของคอเลสเตอรอลโดยรวม (Total-C) คอเลสเตอรอลแอลดีแอล (LDL-C) อะโพไลโปตีน บี (ApoB) คอเลสเตอรอลนอนเอชดีแอล (nonHDL-C) และไตรกลีเซอไรด์ที่สูงเกินไป และเพื่อเพิ่มคอเลสเตอรอลเอชดีแอล (HDL-C) ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงปฐมภูมิหรือภาวะไขมันในเลือดผิดปกติแบบผสม (mixed dyslipidemia) เพื่อรักษาภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง เพื่อรักษา ภาวะไลโพโปรตีนในเลือดปฐมภูมิ (primary dysbetalipoproteinemia) (ภาวะไลโพโปรตีนในเลือดสูง ประเภท 3)

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงเนื่องจากยีนโฮโมไซกัส (Homozygous Familial Hypercholesterolemia)

ขนาดยาเริ่มต้น 20 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาปกติ 5-40 มก. รับประทานวันละครั้ง

คำแนะนำ

-ควรประเมินการตอบสนองต่อการรักษาคอเลสเตอรอลแอชดีแอลก่อนทำการกรองเลือด (preapheresis LDL-C levels)

การใช้งาน เพื่อลดคอเลสเตอรอลแอลดีแอล คอเลสเตอรอลโดยรวม และอะโพไลโปตีน บีในผู้ป่วยภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงเนื่องจากยีนโฮโมไซกัส

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease)

ขนาดยาเริ่มต้น 10-20 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาปกติ 5-40 มก. รับประทานวันละครั้ง

การใช้งาน สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีหลักฐานทาการแพทย์ว่าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary heart disease) แต่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น โดยเทียบกับผู้ชายที่อายุ 50 ปีขึ้นไป และผู้หญิงที่อายุ 60 ปีขึ้นไป มีปฏิกิริยาไวต่อการทดสอบซี-รีแอคทีฟ โปรตีน (C-reactive protein) ที่ขนาด 2 มก./ลิตรขึ้นไป และมีปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างน้อยอีก 1 ปัจจัย (เช่น ภาวะความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลเอชดีแอลต่ำ สูบบุหรี่ หรือคนในครอบครัวเคยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจก่อนวัยอันควร) เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย (myocardial infarction) และเพื่อลดความเสี่ยงในกระบวนการผ่าตัดเปิดหลอดเลือดแดงที่อุดตัน (arterial revascularization procedures)

การปรับขนาดยาสำหรับไต

ไตวายระดับรุนแรง โดยไม่รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis) และค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์ [CrCl] น้อยกว่า 30 มล./นาที

-ขนาดยาเริ่มต้น 5 มก. รับประทานวันละครั้ง

-ขนาดยาสูงสุด 10 มก. รับประทานวันละครั้ง

การปรับขนาดยาสำหรับตับ

โรคตับจากแอลกอฮอล์เรื้อรัง ควรใช้ยาด้วยความระมัดระวัง

โรคตับที่มีอาการหรือระดับทรานซามิเนสตับสูง (hepatic transaminase levels) เป็นประจำ ห้ามใช้ยานี้

การปรับขนาดยา

ผู้ป่วยเชื้อสายเอเชีย

-ควรพิจารณาใช้ยาขนาดเริ่มต้นที่ 5 มก. รับประทานวันละครั้ง เนื่องจากความเข้มข้นของพลาสม่ายาที่เพิ่มขึ้น ควรคำนึงถึงการเปิดรับยาทั่วร่างกายที่เพิ่มขึ้นเมื่อการรักษาผู้ป่วยชาวเอเชียที่ไม่ได้รับการควบคุมอย่างเพียงพอที่ขนาดสูงถึง 20 มก./วัน

การใช้ร่วมกับยาไซโคลสปอริน (cyclosporine)

-ขนาดยาสูงสุด 5 มก. รับประทานวันละครั้ง

การใช้ร่วมกับยาเจมไฟโบรซิล

-ขนาดยาเริ่มต้น 5 มก. รับประทานวันละครั้ง

-ขนาดยาสูงสุด 10 มก. รับประทานวันละครั้ง

การใช้ร่วมกับยาอะทาซานาเวียร์ (atazanavir) และยาริโทนาเวียร์ (ritonavir) หรือยาโลพินาเวียร์ (lopinavir) และยาโทนาเวียร์หรือยาไซเมพรีเวียร์ (simeprevir:

-ขนาดยาเริ่มต้น 5 มก. รับประทานวันละครั้ง

-ขนาดยาสูงสุด 10 มก. รับประทานวันละครั้ง

คำแนะนำอื่นๆ

คำแนะนำการใช้ยา

-สามารถรับประทานวันครั้งเวลาใดก็ได้ รับประทานยาลงไปทั้งเม็ดพร้อมกับหรือปราศจากอาหาร

-อย่ารับประทานยา 2 ครั้งภายใน 12 ชั่วโมง

-หากต้องใช้ยาลดกรด ควรรับประทานยาลดกรดอย่างน้อย 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยานี้

-ควรใช้ยานี้เป็นการเสริมกับการจำกัดอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลอิ่มตัวเมื่อการตอบสนองจากการรับประทานอาหารและการรักษาโดยไม่ใช้ยานั้นไม่เพียงพอ

การเก็บรักษา

-เก็บให้พ้นจากความชื้น

ทั่วไป

-เมื่อเริ่มต้นการรักษา และ/หรือเปลี่ยนมาจากยาในกลุ่มเอชเอ็มจี-ซีโอเอ รีดัคเทส อินฮิบิเตอร์ (HMG-CoA reductase inhibitor) ควรใช้ขนาดยาเริ่มต้นที่เหมาะสมก่อนและปรับตามการตอบสนองของผู้ป่วยและเป้าหมายของการรักษาแต่ละรายเท่านั้น

-หลังจากเริ่มต้นการรักษาและปรับขนาดยาแล้ว ควรวิเคราะห์ค่าระดับลิพิดภายใน 2-4 สัปดาห์และควรปรับขนาดยาตามนั้น

-ขนาดยา 40 มก. นั้นควรใช้สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับค่าระดับคอเลสเตอรอลแอชดีแอลตามเป้าหมายจากการใช้ยาในขนาด 20 มก.

-ยานี้ยังไม่ได้รับการวิจัยในโรคไขมันในเลือดสูงประเภทที่ 1 และ 5 ตามเกณฑ์ของเฟรดริกสัน (Fredrickson Type I and V dyslipidemias)

การเฝ้าระวัง

-อวัยวะสืบพันธุ์ ควรทำการตรวจปัสสาวะเป็นประจำ

-ตับ วัดระดับเอ็นไซม์ตับก่อนเริ่มต้นการรักษา และหากมีสัญญาณหรืออาการตับบาดเจ็บเกิดขึ้น

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย

-แจ้งให้ทราบในทันทีหากมีอาการปวด กดเจ็บ หรืออ่อนแรงที่กล้ามเนื้อที่หาสาเหตุไม่ได้ โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นพร้อมกับอาการวิงเวียนหรือเป็นไข้ หรือหากสัญญาณหรืออาการของกล้ามเนื้อยังคงมีอยู่หลังจากหยุดการรักษา

-ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ควรทราบถึงผลที่เกิดจากการใช้ยานี้ขณะตั้งครรภ์ ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากตั้งครรภ์

-แจ้งให้ทราบหากเกิดสัญญาณหรืออาการที่อาจจะบ่งชี้ว่ามีการบาดเจ็บของตับ เช่น เหนื่อยล้า อะนอเร็กเซีย (anorexia) ปวดท้องส่วนขวาบน ปัสสาวะสีคล้ำ หรือดีซ่าน (jaundice)

ขนาดยาโรซูวาสแตตินสำหรับเด็ก

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงเนื่องจากยีนเฮเทอโรไซกัส (Heterozygous Familial Hypercholesterolemia)

อายุ 8 จนถึงน้อยกว่า 10 ปี : 5-10 มก. รับประทานวันละครั้ง ยังไม่มีการศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยาในขนาดมากกว่า 10 มก./วัน

อายุ 10-17 ปี : 5-20 มก. รับประทานวันละครั้ง ยังไม่มีการศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยาในขนาดมากกว่า 20 มก./วัน

คำแนะนำ

-ควรปรับขนาดยาโดยเว้นระยะห่าง 4 สัปดาห์ขึ้นไป

-ขนาดยาควรขึ้นอยู่กับเป้าหมายการรักษาของแต่ละบุคคล

การใช้งาน เพื่อเสริมกับการรับประทานอาหารเพื่อลดคอเลสเตอรอลโดยรวม คอเลสเตอรอลแอลดีแอล และอะโพไลโปตีน บีในผู้ป่วยภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงเนื่องจากยีนเฮเทอโรไซกัส หากหลังจากการทดลองบำบัดด้วยการรับประทานอาหารแล้วยังพบกับอาการดังต่อไปนี้ ค่าคอเลสเตอรอลแอลดีแอลมากกว่า 190 มก./เดซิลิตร หรือมากกว่า 160 มก./เดซิลิตร และมีคนในครอบครัวเคยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดก่อนวัยอันควร หรือมีปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดอื่นๆ 2 ปัจจัยขึ้นไป

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงเนื่องจากยีนโฮโมไซกัส

อายุ 7-17 ปี : 20 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาปกติ 5-40 มก. รับประทานวันละครั้ง

การใช้งาน เพื่อเสริมการรับประทานอาหารเพื่อลดคอเลสเตอรอลแอลดีแอล คอเลสเตอรอลโดยรวม และอะโพไลโปตีน บีในผู้ป่วยภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงเนื่องจากยีนโฮโมไซกัส ทั้งการรักษาเพียงอย่างเดียวและร่วมกับการรักษาเพื่อลดระดับของลิพิด (lipid-lowering treatments) เช่นการกรองไขมันแอลดีแอลออกจากเลือด (LDL apheresis)

ข้อควรระวัง

ยังไม่มีการพิสูจน์ประสิทธิภาพและความปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 7 ปี

รูปแบบของยา

ขนาดและรูปแบบของยามีดังนี้

  • ยาเม็ดสำหรับรับประทาน

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา