backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

มันฝรั่งป่าแอฟริกา (African Wild Potato)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Ploylada Prommate · แก้ไขล่าสุด 07/12/2017

สรรพคุณของมันฝรั่งป่าแอฟริกา

มันฝรั่งป่าแอฟริกาใช้สำหรับเหตุผลทางการแพทย์ดังต่อไปนี้ เช่น:

  • ความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะรวมทั้งการติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ (Cystitis)
  • ปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก ได้แก่ ต่อมลูกหมากโต (BPH) และมะเร็งต่อมลูกหมาก
  • โรคปอด
  • วัณโรค
  • โรคข้ออักเสบ
  • โรคสะเก็ดเงิน
  • บรรเทาอาการของโรคเอดส์

บางคนใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกากับผิวหนังโดยตรงเพื่อช่วยรักษาบาดแผล

มันฝรั่งป่าแอฟริกาอาจใช้ในการรักษาอาการอื่นๆ อื่นๆ ควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแพทย์ เภสัชกร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร

กลไกการออกฤทธิ์

งานวิจัยเกี่ยวกับกลไกการออกฤทธิ์ของมันฝรั่งป่าแอฟริกายังมีไม่มากพอ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ อย่างไรก็ตามจากการศึกษาที่มีอยู่ พบว่ามันฝรั่งป่าแอฟริกามีสารไฮโปโซไซด์ (Hypoxoside) และไฟโตเคมิคอล ไฮโปโซไซด์ (Phytochemicals Hypoxoside) ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระที่สามารถทำลายเซลล์ และทำให้เกิดโรคต่างๆ นอกจากนี้ ไฟโตเคมิคอล (Phytochemicals) ยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายได้อีกด้วย

ข้อควรระวังและคำเตือน

สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้สารสกัดจากมันฝรั่งป่าแอฟริกา

ควรปรึกษากับแพทย์ เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหาก:

  • กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในขณะที่ให้นมบุตรนั้น ควรใช้ยาตามแพทย์สั่งเท่านั้น
  • กำลังใช้ยาอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงยาที่หาซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์
  • มีอาการแพ้สารในสารสกัดจากมันฝรั่งป่าแอฟริกา ยาอื่น ๆ หรืออาหารเสริมอื่น ๆ
  • มีโรคอื่น ๆ มีความผิดปกติ หรือพยาธิสภาพอื่น ๆ
  • มีประวัติการแพ้อื่น ๆ เช่น แพ้อาหาร แพ้สีผสมอาหาร แพ้สารกันบูด หรือแพ้เนื้อสัตว์ต่าง ๆ

ข้อกำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดจากมันฝรั่งป่าแอฟริกานั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่ายาชนิดอื่น ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย การใช้ผลิตภัณฑ์นี้ต้องมีประโยชน์มากกว่าที่จะเสี่ยงใช้ ควรปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

มันฝรั่งป่าแอฟริกาปลอดภัยแค่ไหน

ช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร : ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกาในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตรนั้นมีไม่แพร่หลายนัก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะใช้

เด็ก (อายุต่ำกว่า 18 ปี)ไม่มีการพิสูจน์ว่ามันฝรั่งป่าแอฟริกา ปลอดภัยหรือมีประสิทธิภาพ และไม่แนะนำให้ใช้ในเด็ก

ศัลยกรรม ควรหยุดใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด

ผลข้างเคียง

มันฝรั่งป่าแอฟริกามีผลข้างเคียงอะไรบ้าง

มันฝรั่งป่าแอฟริกาทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น

  • คลื่นไส้
  • อาหารไม่ย่อย
  • มีแก๊ส
  • ท้องเสีย
  • ท้องผูก
  • ผลข้างเคียงทางเพศอาจเป็นเช่นปัญหาในการแข็งตัวของอวัยวะเพศ หรือมีความสนใจในเรื่องเพศน้อยลง
  • การผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงลดลง
  • การเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ

หลายคนอาจมีอาการข้างเคียงบางอย่างที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น ดังนั้น หากมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงใด ๆ โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้

ปฏิกิริยาระหว่างยา

มันฝรั่งป่าแอฟริกาอาจทำให้เกิดมีปฏิกิริยาใดบ้าง

มันฝรั่งป่าแอฟริกาอาจมีผลต่อยาที่ใช้อยู่หรือพยาธิสภาพในปัจจุบัน โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกา

ผลิตภัณฑ์บางอย่างที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ เช่น

  • ยารักษาโรคเบาหวานทางช่องปากหรืออินซูลิน
  • ยาเอชไอวี / เอดส์หรือยาต้านไวรัสอื่น ๆ
  • ไซโตโครม พี450 3เอ4 (Cytochrome p450 3a4)
  • ยาที่เป็นอันตรายต่อไต

ขนาดยา

ข้อมูลนี้ไม่สามารถใช้เป็นคำแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ของคุณก่อนใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกา

ปริมาณที่เหมาะสมในการใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกาอยู่ที่เท่าไร

สำหรับโรคต่อมลูกหมากโต(BPH):

มันฝรั่งป่าแอฟริกาที่มีเบต้า-ซิโตสเตอโรล (Beta-sitosterol) 60 ถึง 130 มก. 2-3 ครั้งทุกวัน

สำหรับโรคมะเร็งปอด:

1,200-3,200 มิลลิกรัมของมาตรฐานสารสกัดจากพืชไฮโปซีส (Hypoxis) (200 มิลลิกรัมแคปซูล) ต่อวันแบ่งเป็น 3 ขนาดโดยการรับประทาน

ปริมาณการใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกานี้อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพและพยาธิสภาพอื่น ๆ การใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกาไม่ได้ปลอดภัยเสมอไป ควรปรึกษาผู้ชำนาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์เพื่อทราบปริมาณที่เหมาะสมก่อนใช้ยา

รูปแบบผลิตภัณฑ์มันฝรั่งป่าแอฟริกา

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรนี้อาจมีจำหน่ายในรูปแบบต่อไปนี้:

  • แคปซูล

*** Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยหรือการรักษาแต่อย่างใด ***

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Ploylada Prommate · แก้ไขล่าสุด 07/12/2017

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา