ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีสภาวะเกี่ยวข้องกับโรคไต อาจจำเป็นต้องได้รับการควบคุม และปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดไตวาย แพทย์อาจแนะนำให้คุณลดการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมและโพแทสเซียมสูง เนื่องจากสารอาหารเหล่านี้สามารถส่งผลในเชิงลบต่อไตได้โดยตรง และอาจแนะนำเป็นการรับประทานอาหารประเภทอื่น ๆ มาทดแทน ให้เหมาะสมตามลักษณะอาการของแต่ละบุคคล
ขั้นตอนของ การทำโภชนาการบำบัด มีอะไรบ้าง
หากคุณมีความสนใจเข้ารับ การทำโภชนาการบำบัด จากผู้เชี่ยวชาญ คุณอาจจำเป็นต้องบันทึกประวัติการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อของคุณล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 วัน เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้แพทย์ได้ทำการพิจารณานำมาวางแผนการรับประทานอาหารให้แก่คุณ
เมื่อแพทย์และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการบำบัด ได้ทราบถึงประวัติการรับประทานอาหารของคุณแล้ว แพทย์ก็จะสามารถจัดตารางอาหารที่เหมาะสมให้กับคุณ โดยคำนึงถึงสภาวะสุขภาพที่คุณเป็นอยู่ แพทย์อาจให้คำแนะนำในการเลือกรับประทานอาหารให้ดีขึ้น เช่น ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการอ่านฉลากอาหาร สอนวิธีนับปริมาณแคลอรีที่ถูกต้อง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณ จากนั้นก็จะต้องดำเนินการบำบัดเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ พร้อมปรับเปลี่ยนอาหารตามการเปลี่ยนแปลง และติดตามผลลัพธ์จนกว่าการบำบัดจนเสร็จสิ้นขั้นตอน
ข้อควรระวังเมื่อเข้ารับ โภชนาการบำบัด
ตามปกติแล้ว หากคุณเข้ารับการบำบัดจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ พร้อมปฏิบัติตามอย่างต่อเนื่อง ก็อาจสามารถสร้างผลลัพธ์ในเชิงบวกให้ห่างไกลจากความเสี่ยงต่าง ๆ ทางสุขภาพได้ แต่หากคุณไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหารตามที่แพทย์กำหนด ก็อาจส่งผลในเชิงลบ ทำให้เกิดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อส่วนสำคัญออกไป ซึ่งเป็นพฤติกรรมค่อนข้างไม่เหมาะสม และไม่ปลอดภัยอย่างมากเลยทีเดียว
สุดท้ายนี้โปรดจำไว้ว่า การทำโภชนาการบำบัดนั้นจะเหมาะสมก็ต่อเมื่อคุณได้รับการประเมินจากแพทย์และนักโภชนาการอย่างถี่ถ้วนแล้วเท่านั้น เพราะการทำโภชนาการบำบัดโดยไม่ผ่านการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสุขภาพร่างกายได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย