backup og meta

โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) แท้จริงเกิดจากอะไร

เขียนโดย แพทย์หญิงชลธิรศน์ ศรีเกษตรสรากุล · โรคผิวหนัง · Revival Clinic


แก้ไขล่าสุด 09/11/2022

    โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) แท้จริงเกิดจากอะไร

    สนับสนุนบทความโดย Aveeno Dermexa

    โรคผิวหนังอักเสบ หมายถึง ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นผื่นบวมแดง มีขุย คัน อาการแสดงจะขึ้นอยู่กับระยะของรอยโรค เช่น ระยะแรก จะมีอาการคัน บวมแดง มีขุย อาจมีตุ่มน้ำหรือน้ำเหลืองเยิ้มร่วมด้วย หากเป็นเรื้อรัง ผิวก็จะแห้งหนา มีลายเส้นขึ้น และมีสีคล้ำ

    สาเหตุของ โรคผิวหนังอักเสบ

    สาเหตุของการเกิด โรคผิวหนังอักเสบ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประการหลักๆ ได้แก่

    สาเหตุภายในร่างกาย

    ซึ่งเกิดจากโรคภูมิแพ้โดยกำเนิด หรือการถ่ายทอดทางพันธุกรรมในผู้ป่วยที่มีประวัติส่วนตัวหรือประวัติครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ เช่น โรคหอบหืด (asthma) โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ (allergic rhinitis) ผิวหนังอักเสบ ที่มาจากสาเหตุภายในร่างกาย มักเป็นๆ หายๆ พบบ่อยในเด็ก และมักพบอาการเยื่อบุตาอักเสบ แพ้อากาศ      ไอ จามบ่อยๆ หรือหอบหืด ร่วมด้วย โดยเฉพาะเวลาที่อากาศรอบตัวเปลี่ยนแปลง หรือมีเหตุกระตุ้นอื่นๆ

    ลักษณะอาการของ ผิวหนังอักเสบ จากสาเหตุภายในร่างกายในระยะเริ่มแรก มักปรากฏอาการให้เห็นเป็นผื่นแดงหรือมีตุ่มแดงนูน ตุ่มน้ำใส พบได้ทั่วไปตามร่างกาย แต่มักพบบ่อยบริเวณข้อพับแขน ข้อพับขา คอ ใบหน้า และบริเวณผิวหนังที่มีการเสียดสี

    สาเหตุภายนอกร่างกาย

    หรือที่เรียกว่า ผื่นแพ้สัมผัส เกิดจากการสัมผัสสารที่ระคายเคือง หรือสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ บริเวณที่เป็นขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น แพ้สายนาฬิกา แพ้สร้อย แพ้ปูน หรือ แพ้ผงซักฟอก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุอื่นๆ กระตุ้นอาการผิวหนังอักเสบได้ เช่น

    • ความเครียด
    • ความร้อนและเหงื่อ
    • อากาศเย็นและแห้ง

    แนวทางการรักษาโรคผิวหนังอักเสบ  

    ในการรักษาโรคผิวหนังอักเสบ ก่อนอื่น แพทย์จะวินิจฉัยโดยการตรวจผิวหนังและซักประวัติส่วนตัว เพื่อดูว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นมาจากสาเหตุภายใน หรือภูมิแพ้จากพันธุกรรม หรือเกิดจากการสัมผัสสารระคายเคือง โดยการรักษาอาจมีหลายวิธี แพทย์จะพิจารณาให้เหมาะกับอาการ สาเหตุ และระยะของโรค โดยมีแนวทางการรักษา ดังนี้

    • การใช้ยาแก้แพ้กลุ่ม Antihistamines และ Corticosteroids
    • การทำแผล เพื่อชำระล้างทำความสะอาดคราบน้ำเหลืองเยิ้ม หรือ สะเก็ดแข็ง ที่ปกคลุมผื่นออกไป แล้วทาครีมหรือขี้ผึ้งคอร์ติโคสเตียรอยด์จนกว่าจะหายดี
    • การรักษาด้วยการฉายแสงอัตราไวโอเลตเอ และ บี (UV Phototherapy) ซึ่งออกฤทธิ์ในการกดภูมิต้านทานของร่างกาย และยับยั้งการอักเสบของผิวหนัง

    วิธีป้องกันไม่ให้อาการ ผิวหนังอักเสบ กำเริบ

    นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ตัวผู้ป่วยเองก็จำเป็นต้องดูแลตัวเองและหลีกเลี่ยงไม่ให้อาการผิวหนังอักเสบกำเริบหรือลุกลามไปอีก โดยมีข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวเพื่อดูแลรักษาตัวเอง และอาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตบางประการ เช่น

    1. หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ทางผิวหนัง เช่น อากาศร้อน อากาศเย็นหรือแห้ง หรือสถานที่ที่มีฝุ่นควัน

    2. กินยาแก้แพ้เมื่อเกิดอาการตามคำสั่งของแพทย์

    3. อาบน้ำอย่างถูกวิธีโดย

    • ไม่ควรใช้เวลาอาบน้ำนานเกินไป เวลาที่เหมาะสม คือ ไม่เกิน 5-10 นาที โดยใช้น้ำอุณหภูมิห้อง
    • หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนอันเป็นสาเหตุทำให้ผิวแห้งมากขึ้น
    • เลือกครีมอาบน้ำ ที่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง มีส่วนประกอบของสารให้ความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวแห้ง และลดการอักเสบเช่น สารสกัดจากข้าวโอ๊ต

    4. ทายาบรรเทาอาการคันบริเวณที่มีการอักเสบตามคำสั่งแพทย์

    5. หลีกเลี่ยงการเกา โดยเฉพาะบริเวณที่มี ผิวหนังอักเสบ

    6. ใช้การประคบเย็น

    7. เลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้านุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย

    8. ทาสารเพิ่มความชุ่มชื้นผิวหนัง (moisturiser) ในรูปแบบของครีมหรือขี้ผึ้งอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยสารให้ ความชุ่มชื้นที่ดีควรมีคุณสมบัติ ดังนี้

    • ปราศจาก สาร SLS น้ำหอม หรือสารกันเสีย เพื่อลดโอกาสการระคายเคือง
    • ปราศจากสารสเตียรอยด์​
    • ส่วนประกอบที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้น ลดการอักเสบและอาการคัน เช่น เซราไมด์ สารสกัดจากข้าวโอ๊ต หรือ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ เพื่อช่วยบำรุงผิวแห้งระคายเคืองมากให้กลับมาชุ่มชื้น

    ซึ่งผลิตภัณฑ์สามารถมาในรูปแบบของทั้งเซรั่ม ครีม น้ำมัน หรืออื่นๆ โดยคนไข้สามารถเลือกให้เหมาะกับสภาพความต้องการของผิวตนเอง

    การรักษา ผิวหนังอักเสบ จะมีประสิทธิผลมากเพียงใดนั้น ต้องมาจากการวินิจฉัยที่ถูกต้องว่าสาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่ ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำและการรักษาที่เหมาะสม

    หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการ ผิวหนังอักเสบ คือ Aveeno Dermexa Body Wash ครีมอาบน้ำที่ผ่านการทดสอบทางคลินิคแล้วว่า ไม่ทำให้ผิวแห้ง ช่วยฟื้นบำรุงผิวแห้งมากให้กลับมาชุ่มชื้น และปราศจากน้ำหอม  จึงลดการระคายเคืองที่อาจเกิดจากน้ำหอม โดยควรใช้ควบคู่กับ Aveeno Dermexa Emollient Cream ครีมบำรุงผิว เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งมากและมีแนวโน้มแพ้ง่าย โดยจะช่วยบรรเทาปัญหาผิวแห้ง ผิวลอกเป็นขุย อาการคันและระคายเคือง และช่วยลดการเกิดรอยแดงได้อีกด้วย ที่สำคัญคือ ปราศจากน้ำหอมและสารสเตียรอยด์

    โรคผิวหนังอักเสบ

    Aveeno Dermexa มีส่วนผสมสำคัญคือ ทริปเปิ้ลโอ๊ตคอมเพล็กซ์ ซึ่งประกอบด้วย

    • ผงข้าวโอ๊ตคอลลอยด์ มอบความชุ่มชื้นให้ผิว
    • เซรั่มข้าวโอ๊ต ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง
    • น้ำมันข้าวโอ๊ต ช่วยฟื้นบำรุงผิว
    • เซราไมด์ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของชั้นปกป้องผิว ป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิวและลดอาการคัน

    โดย Aveeno Dermexa ผ่านการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่าได้ผลตั้งแต่วันแรกที่ใช้

    นอกจากนี้ จากงานวิจัยพบว่าการใช้ Aveeno Dermexa เป็นประจำจะช่วยลดโอกาสการเกิดผื่นแดงซ้ำได้นานถึง 6 เดือน โดยสถาบันวิจัยจากประเทศกรีซ อิตาลี และโปรตุเกสพบว่า Aveno Dermexa ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง ผิวลอก รอยแดง และเพิ่มความชุ่มชื้นขึ้นหลังจากใช้เป็นเวลา 12 สัปดาห์ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่แพทย์ผิวหนังในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่แนะนำ โดย Aveeno Dermexa สามารถหาซื้อได้ที่ร้าน Boots ทุกสาขา

    จากที่กล่าวไปว่า อาการ ผิวหนังอักเสบ ส่วนใหญ่มีสาเหตุการเกิดไม่แน่ชัด โดยมีปัจจัยร่วมต่างๆ ที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิว ดังนั้น การหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่กล่าวมานี้ รวมไปถึงการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพผิวให้ชุ่มชื้นแข็งแรง จะช่วยรักษาและป้องกันให้เราห่างไกลจาก ผิวหนังอักเสบ ได้ แต่หากยังไม่แน่ใจว่าตัวเองมีอาการผิวหนังอักเสบจากสาเหตุใด การพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยให้แน่ชัด คือทางออกที่ดีที่สุดค่ะ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    เขียนโดย

    แพทย์หญิงชลธิรศน์ ศรีเกษตรสรากุล

    โรคผิวหนัง · Revival Clinic


    แก้ไขล่าสุด 09/11/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา