กิน ชาไข่มุก แล้วจะเป็นมะเร็งจริงหรือ?
จากการที่มักจะมีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับว่าเม็ดชาไข่มุกนั้นก่อให้เกิดมะเร็ง ซึ่งสำหรับเรื่องนี้นั้น เรียกได้ว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างแท้จริง ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน นักวิจัยของ University Hospital Aachen ประเทศเยอรมนี มีการนำเสนอข้อมูลที่ว่าเม็ดไข่มุกนั้นมีสารสำคัญที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้ เนื่องจากมีการพบสารสไตรีน (Styrene) และ อะซิโตฟีโนน (Acetophenone) และสารอื่น ๆ ที่มีการจับตัวอยู่กับโบรมีน (Bromine) และยังมีการคาดการณ์อีกว่านั่นเป็นสารประกอบกลุ่ม โพลีคลอรีนเนตเต็ตไบฟีนีล (Polychlorinated biphenyls) ที่พบในการทดลองกับสัตว์แล้วว่าเป็นสารประกอบที่ทำให้เกิดมะเร็ง
หลังจากนั้นข่าวนี้ก็ได้กลายมาเป็นข่าวใหญ่ พร้อมกับการโหมกระพือจากสื่อหลายสำนัก ต่อมานักวิจัยในประเทศไต้หวันจึงได้ทำการรวบรวมตัวอย่างของเม็ดชาไข่มุกจากหลายยี่ห้อในไต้หวัน เพื่อนำมาทำการตรวจหาสารดังกล่าว ซึ่งก็ไม่พบว่ามีสารสไตรีน พบเพียงแต่สารประกอบในกลุ่มโบรมีนเนตเต็ทไบฟีนิลและอะซิโตฟีโนน และมีการตรวจพบในปริมาณที่น้อยมาก จนไม่ก่อให้เกิดผลใดที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ในขณะที่องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐ หรือ (FDA) กล่าวว่าสารประกอบกลุ่มอะซิโตฟีโนนและสารสไตรีนนั้น ไม่ถือว่าเป็นสารกลุ่มพีซีบี (PCBs) หรือ โพลีคลอริเนตไบฟีนิล (สารกลุ่มพีซีบีเป็นสารที่มีผลต่อความผิดปกติของระบบพันธุกรรม ระบบภูมิคุ้มกัน และก่อให้เกิดมะเร็ง) เนื่องจากสารดังกล่าวไม่ได้มีส่วนประกอบเป็นคลอรีนหรือไบฟีนิล ยิ่งไปกว่านั้นสารประกอบกลุ่มอะซิโตฟีโนนและสไตรีนนั้น ยังได้รับอนุญาตให้ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร มีการอนุญาตให้ใส่ลงในอาหาร เพื่อแต่งกลิ่นสังเคราะห์ในอาหารได้อย่างถูกกฎหมายในสหรัฐด้วย
ดังนั้นจึงเป็นผลสรุปได้ว่า เม็ดไข่มุกไม่ได้มีสารประกอบใดที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอย่างที่มีข่าวออกมา
แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ธุรกิจชาไข่มุกนั้นกำลังเติบโต บางร้านอาจไม่ได้มีการทำเม็ดไข่มุกเอง บางร้านอาจใช้เม็ดไข่มุกที่สั่งจากโรงงาน หรือยี่ห้ออื่น ๆ ซึ่งบางยี่ห้ออาจมีการใส่สารกันบูดลงในเม็ดไข่มุกด้วย ในจุดนี้หากรับประทานอาหารที่มีสารกันบูดจนกระทั่งสะสมในร่างกายในปริมาณมาก ก็จะก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบทางเดินอาหาร อาเจียน วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ท้องเสีย และอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้หากมีการสะสมสารนี้ไว้ในร่างกายในปริมาณที่มากจนเกินไป
เม็ดไข่มุก กินแล้วจะไม่ย่อย แต่จะตกค้างอยู่ในช่องท้องจริงหรือ?
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย