การสกัดโดยใช้ตัวทำละลาย วัตถุดิบบางชนิดอาจจะไม่สามารถกลั่นด้วยไอน้ำได้ เนื่องจากความร้อนจากไอน้ำอาจทำลายสารสำคัญที่อยู่ในวัตถุดิบได้ ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีการสกัดโดยใช้ตัวทำละลาย เช่น acetone หรือ benzene เพื่อให้ตัวทำละลายเหล่านี้สามารถดึงเอาสารที่ต้องการออกมาจากวัตถุดิบได้
ในบางครั้งหลังจากที่ได้น้ำมันสกัดออกมาแล้ว อาจจะมีการเติมน้ำมันอื่นๆ เข้าไปด้วย เพื่อให้มีปริมาณเพิ่มขึ้นพอสำหรับขาย ดังนั้นน้ำมันหอมระเหยเหล่านั้นจึงมักจะไม่ใช่น้ำมันบริสุทธิ์ แต่เป็นน้ำมันผสม
ทำไมเราจึงเลือกใช้น้ำมันหอมระเหย
น้ำมันหอมระเหยมักจะทำมาใช้ในกระบวนการสุคนธบำบัด หรืออโรมาเทอราพี (Aromatherapy) เพื่อช่วยให้ทั้งทางร่ายกายและจิตใจรู้สึกดีขึ้น น้ำมันหอมระเหยสามารถนำมาใช้โดยการทาหรือนวดบนผิว สูดดม หรือผสมกับน้ำ เพื่อให้ประโยชน์ดังต่อไปนี้
- บรรเทาความเครียดและความกังวล มีงานวิจัยที่พิสูจน์แล้วว่า น้ำมันหอมระเหยสามารถช่วยลดความเครียดและความกังวลได้ กลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ลดความกังวล และรู้สึกสงบ
- บรรเทาอาการปวดหัว การทาน้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มิ้นท์ในบริเวณหน้าผากและกระหม่อม อาจช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ นอกจากนี้ ส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยคาโมมายล์และงาก็อาจช่วยลดอาการปวดหัวและปวดหัวไมเกรนได้
- ช่วยในการนอนหลับ กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์นั้นสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพในการนอนหลับ แก้ปัญหาอาการนอนไม่หลับได้
- ลดอาการอักเสบ มีงานวิจัยที่สนับสนุนว่า น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากการสกัดใบไทม์และออริกาโนสามารถช่วยลดอาการอักเสบได้ แต่งานวิจัยนี้แทบจะยังไม่มีการทดลองในมนุษย์ ดังนั้นจึงยังไม่มีทราบแน่ชัดเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการใช้น้ำมันหอมระเหยเพื่อรักษาอาการอักเสบ
อันตรายที่อาจมาพร้อมกับการใช้น้ำมันหอมระเหย
หลายคนอาจจะคิดว่าน้ำมันหอมระเหยนั้นเป็นสิ่งที่ได้จากธรรมชาติ และไม่สามารถทำให้เกิดอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว น้ำมันหอมระเหยสามารถทำให้เกิดอันตรายได้ดังต่อไปนี้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย