backup og meta

10 เทคนิคลดพุง ที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าได้ผล

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Sopista Kongchon · แก้ไขล่าสุด 22/10/2021

    10 เทคนิคลดพุง ที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าได้ผล

    หลายคนอาจกำลังประสบปัญหา ใส่กางเกงได้ แต่ติดกระดุมไม่ได้ !!! เพราะติดพุง !!! บางทีก็ถึงขั้นรูดซิปไม่ได้เลย จึงคิดว่าต้องกำจัดไขมันส่วนเกินตรงหน้าท้องซะแล้ว แต่ลองมาแล้วหลายวิธี ก็ยังไม่ได้ผล ถ้าอย่างนั้นลองมาดูวิธี ลดพุง ที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว ว่าได้ผลแน่นอน กันเลยดีกว่าค่ะ

    เทคนิคลดพุง ที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ

    1. กินอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว

    การกินอาหารที่มี ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fats, MUFAs) ในทุกๆ มื้อ เช่น น้ำมันมะกอก ถั่วอัลมอนด์ หรืออะโวคาโด จะช่วยให้ไขมันในช่องท้องลดลงได้ ข้อมูลจากวารสาร Journal for Diabetes Care อธิบายว่า การกินอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันในช่องท้อง  เนื่องจากไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญไขมัน และช่วยทำให้ลดพุงได้

    2. เคี้ยวอาหารนานๆ

    การเคี้ยวอาหารนานๆ เป็นวิธีการที่ป้องกันอาการท้องอืด ได้ดีเยี่ยม โดยให้เคี้ยวอาหารจนละเอียด เป็นเนื้อเหลว จะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้ไม่มีแก๊สในกระเพาะ และไม่มีอาการท้องอืด ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้พุงป่องออกมา

    3. เลี่ยงแป้งแบบขัดสีหรืออาหารแปรรูป

    ขนมปังขาว แคร็กเกอร์ หรือมันฝรั่งทอด พวกน้ำหวาน และของหวาน จะทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้ เนื่องจากเมื่อกินเข้าไปแล้วอินซูลินจะสูง ส่งผลให้ร่างกายไม่เผาผลาญไขมัน ทำให้พุงไม่ยุบนั่นเอง

    4. กินซุปก่อนกินข้าว

    งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแพนซิลเวเนีย  ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าการกินซุปแคลอรีต่ำ 1 ถ้วย ก่อนการกินข้าวกลางวัน หรือข้าวเย็น จะช่วยลดปริมาณแคลอรีในมื้ออาหาร 20% หากใครที่อยากลดพุงแบบไม่ทรมาน ลองหาซุปซักถ้วยมากินก่อนมื้ออาหารดูค่ะ

    5. ออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอ

    ถ้าคุณต้องการเผาผลาญไขมันช่องท้อง หรือต้องการลดพุง งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยดุ๊ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ยืนยันว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิค ช่วยลดไขมันในช่องท้องได้ดีที่สุด ความจริงแล้ว การออกกำลังกายแบบแอโรบิค สามารถเผาผลาญแคลอรีได้ 67% ซึ่งมากกว่าการออกกำลังกายแบบฝืนแรงต้านทาน (Resistance training) ด้วย

    6. กินดาร์กช็อกโกแลต

    วารสาร American Journal of Clinical Nutrition ให้ข้อมูลว่า การกินอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fats, MUFAs) จะทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็ว กว่าอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว ซึ่งดาร์กช็อกโกแลต อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ถ้าเรากินเข้าไปก็จะช่วยลดพุงได้ เพราะดาร์กช็อกโกแลต มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมัน และงานวิจัยจากประเทศเดนมาร์กยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เนื่องจากดาร์กช็อกโกแลต ทำให้รู้สึกอิ่มนาน จึงช่วยในการลดพุง ลองกินดาร์กช็อกโกแลต ความเข้มข้น 70% ขึ้นไป รู้ตัวอีกทีพุงอาจจะหายไปแล้วก็ได้

    7. กินอาหารโปรตีนสูง

    งานวิจัยที่ตีพิมพ์ ในวารสารวิชาการ Nutrition, Metabolism and Cardiovascular Diseases ได้ติดตามผล จากการกินอาหารที่มีโปรตีนสูง เป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน ผลการวิจัยพบว่า การกินอาหารที่มีโปรตีนสูง จะช่วยลดไขมันในช่องท้อง ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ แถมยังช่วยลดประมาณคอเลสเตอรอล และปริมาณไขมันในเลือดด้วย ดังนั้น ถ้าใครอยากลดพุง ก็ต้องกินอาหารโปรตีนสูงอย่าง อกไก่ ไข่ขาว นม หรือถั่ว ก็จะช่วยทำให้สุขภาพดี และลดพุงได้แน่นอน

    8. อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ

    มีงานวิจัยที่ชี้ว่า การกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ จะทำให้ลดน้ำหนักได้มากกว่า การกินอาหารที่มีไขมันต่ำ อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ ที่หาซื้อได้ง่ายก็เช่น ผลไม้ และถั่วเปลือกแข็ง วิธีกินอาหารให้ลดพุงได้ แบบง่ายๆ คือ กินถั่วแทนขนมขบเคี้ยว เช่น ถั่วอัลมอนด์ ถั่วต้ม เพิ่มผลไม้ลงไปในมื้ออาหาร และต้องไม่ลืมที่จะกินอาหารโปรตีนสูง กับกินผักด้วย

    9. ลดน้ำตาล

    การใส่น้ำตาลเพิ่มในกาแฟ ก๋วยเตี๋ยว หรือการกินของหวาน ทำให้เรามีพุง งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2013 ในวารสาร Obesity ให้ข้อมูลว่า การเพิ่มน้ำตาลในมื้อาหาร จะเพิ่มคอเลสเตอรอลด้วย ซึ่งคอเลสเตอรอลทำให้เรามีพุง แถมงานวิจัยยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า น้ำตาลมีผลต่อระดับคอเลสเตอรอล และคอเลสเตอรอลก็เกี่ยวข้องกับการเกิดไขมันในช่องท้อง ซึ่งเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกาย

    10. ออกกำลังกายแบบ HIIT

    การออกกำลังกายแบบ HIIT หรือ high-intensity interval training (การออกกำลังกายแบบหนักเบาสลับกันเป็นช่วงๆ) จะช่วยเผาผลาญไขมันช่องท้องได้ งานวิจัยที่เผยแพร่ในปี 2015 ในวารสาร The Journal of Sports Medicine and Physical Fitness ได้ทดลองเปรียบเทียบ กลุ่มที่ออกกำลังกายธรรมดา กับกลุ่มที่ออกกำลังกายธรรมดา และเพิ่มการออกกำลังกายแบบ HIIT ไปด้วยอีก 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ผลการทดลองพบว่า กลุ่มที่เพิ่มการออกกำลังกายแบบ HIIT มีปริมาณไขมันในช่องท้องลดลง และสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น

    ข้อควรระวังคือ ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาคุณหมอ ก่อนออกกำลังกายแบบ HIIT ส่วนใครที่สุขภาพค่อนข้างดี แต่มีพุง ก็แนะนำให้ลองออกกำลังกายแบบ HIIT เพิ่ม แค่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยลดพุงได้แน่นอน

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย Sopista Kongchon · แก้ไขล่าสุด 22/10/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา