backup og meta

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการ ดื่มน้ำ ทุกวันนี้ คุณดื่มน้ำพอแล้วหรือยัง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ชมพูนุช ทรงถาวรทวี · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

    เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการ ดื่มน้ำ ทุกวันนี้ คุณดื่มน้ำพอแล้วหรือยัง

    เรามักจะคุ้นเคยกันดีกับความเชื่อเรื่อง ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว แล้วจะดีต่อสุขภาพ การดื่มน้ำ จัดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่สามารถขาดได้ เนื่องจากร่างกายของมนุษย์กว่า 60% นั้นประกอบไปด้วยน้ำ ร่างกายจะกระตุ้นให้เรากระหายน้ำเมื่อร่างกายต้องการและเริ่มขาดแคลนน้ำ บทความนี้จะมานำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการ ดื่มน้ำ ว่าให้ประโยชน์และโทษอย่างไร และเราควรดื่มน้ำเท่าไหร่จึงจะเพียงพอในแต่ละวัน

    ดื่มน้ำ มากเท่าไหร่ จึงจะเพียงพอ

    เรามักจะสูญเสียน้ำไปจากการหายใจ เหงื่อ ปัสสาวะ และการขับถ่าย ร่างกายของเราจำเป็นต้องได้รับน้ำอย่างเพียงพอเพื่อที่จะทำงานได้ตามปกติ ดังนั้น เพื่อให้ร่างกายของเรายังสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ เราจึงควรบริโภคน้ำจากการดื่มน้ำและการรับประทานอาหารให้เพียงพอในแต่ละวัน

    ปริมาณน้ำที่ร่างกายควรบริโภคในแต่ละวันนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละคนโดยขึ้นอยู่กับ อายุ น้ำหนักตัว เพศ ระดับการออกกำลังกาย และภูมิภาคที่อาศัยอยู่ จากงานวิจัยของ The National Academies of Sciences ได้ให้ข้อสรุปว่า ปริมาณการบริโภคน้ำที่เพียงพอในแต่ละวัน คือ ผู้หญิงควรดื่มน้ำประมาณ 90 ออนซ์ (11 แก้ว) และผู้ชายควรดื่มน้ำประมาณ 125 ออนซ์ (16 แก้ว) ต่อวัน ปริมาณเหล่านี้เป็นปริมาณของน้ำที่บริโภคทั้งจากการดื่มน้ำและการรับประทานอาหาร โดยปกติแล้วเรามักจะได้รับน้ำจากอาหารประมาณ 20% ส่วนที่เหลือคือได้รับจากการดื่มน้ำ

    หากคุณต้องการปริมาณการบริโภคน้ำที่เหมาะสมกับคุณแบบเจาะจงมากกว่านั้น สามารถคำนวณได้โดยการนำ น้ำหนักตัว คูณ 2.2 คูณ 30 แล้วนำทั้งหมดมาหารด้วย 2 และหน่วยที่ได้มาจะเท่ากับ มิลลิลิตรของน้ำที่คุณควรได้รับ เช่น หากคุณน้ำหนักตัว 60 กก. ก็จะได้เท่ากับ 60 X 2.2 X 30 ÷ 2 = 1980 มิลลิลิตร หรือประมาณ 10 แก้ว นอกจากนี้ คุณยังควรดื่มน้ำเพิ่มอีก 12 ออนซ์ ทุกๆ การออกกำลังกาย 30 นาที

    ประโยชน์ของการดื่มน้ำ

    น้ำช่วยให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดื่มน้ำให้เพียงพอนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะกับผู้ที่ออกกำลังกายหรืออยู่ในสภาพอากาศที่ร้อน การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เพิ่มความเหนื่อยล้า และทำให้การออกกำลังกายนั้นยากขึ้นกว่าเดิม

    น้ำส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานของสมอง สมองของเรานั้นจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากระดับของน้ำในร่างกาย มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า การขาดน้ำในร่างกาย 1-3% สามารถทำให้การทำงานของสมองส่วนต่างๆ ผิดปกติได้ งานวิจัยในผู้หญิงที่สูญเสียน้ำกว่า 1.36% จากการออกกำลังกาย พบว่ามีความปกติในการรวบรวมสมาธิและควบคุมอารมณ์ ทั้งยังมีอาการปวดหัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย

    น้ำช่วยในการสร้างน้ำลายและน้ำมูก น้ำลายนั้นมีความสำคัญในการช่วยย่อยอาหาร และทำให้ปาก จมูก และดวงตาชุ่มชื้นอยู่เสมอ ทำให้อวัยวะเหล่านี้ไม่แตก แห้ง และเกิดการบาดเจ็บได้ง่าย นอกจากนี้ การดื่มน้ำยังช่วยล้างปาก ทำให้ปากสะอาดหลังจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำหวาน ทั้งยังช่วยลดอาการฟันผุได้อีกด้วย

    การดื่มน้ำช่วยควบคุมระดับอุณหภูมิในร่างกาย เมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น น้ำที่สะสมอยู่ในชั้นกลางผิวหนังจะออกมาปกคลุมผิวในรูปแบบของเหงื่อ เพื่อระบายความร้อนและรักษาความเย็นของร่างกาย หากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจทำให้ความร้อนสะสมในร่างกายและเกิดอาการเป็นลมแดดได้

    น้ำ จำเป็นต่อระบบย่อยอาหาร ลำไส้ของเราจำเป็นต้องใช้น้ำเพื่อที่จะได้สามารถทำงานอย่างถูกต้อง การดื่มน้ำไม่เพียงพอสามารถทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารต่างๆ เช่น ท้องผูก หรือภาวะกรดเกินในกระเพาะ นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสในการเกิดอาการแสบร้อนกลางอกและแผลในกระเพาะอาหารอีกด้วย

    โทษของการดื่มน้ำมากเกินไป

    การดื่มน้ำมากเกินไป สามารถนำไปสู่ภาวะน้ำเป็นพิษได้ (Water intoxication) อาการนี้จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีน้ำสะสมมากเกินไปจนทำให้เกลือและอิเล็กโทรไลต์ในร่างกายเจือจางมากจนเกินไป เมื่อระดับเกลือในร่างกายต่ำจนเกินไป จะทำให้เกิดภาวะโซเดียมในเลือดต่ำได้ (Hyponatremia)

    ไตนั้นทำหน้าที่ในการกำจัดน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย ตามปกติแล้ว ไตสามารถกำจัดน้ำออกจากร่างกายได้ประมาณ 20-28 ลิตรต่อวัน และไตไม่สามารถกำจัดน้ำได้มากกว่า 0.8-1.0 ลิตรต่อชั่วโมง ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ เราจึงไม่ควรดื่มน้ำมากกว่า 0.8-1.0 ลิตร ภายใน 1 ชั่วโมง

    ร่างกายของเราต้องการโซเดียมเพื่อควบคุมปริมาณของน้ำที่อยู่ในและรอบๆ เซลล์ หากเรามีปริมาณของโซเดียมในเลือดต่ำจนเกินไป อาจส่งผลให้ระดับน้ำในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น และทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายเกิดการบวม อาการนี้สามารถนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ได้ และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ชมพูนุช ทรงถาวรทวี · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา