backup og meta

อาการตาบอดสี กับข้อเท็จจริง 5 ประการที่ควรต้องรู้ไว้

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย อนันตา นานา · แก้ไขล่าสุด 04/06/2020

    อาการตาบอดสี กับข้อเท็จจริง 5 ประการที่ควรต้องรู้ไว้

    ดวงตา ถือเป็นอวัยวะสำคัญที่มีบทบาทต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก มีข้อมูลระบุว่า การรับรู้และการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ของคนเราเกิดจากการมองเห็นประมาณร้อยละ 70-80 เลยทีเดียว หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับดวงตา ย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเราอย่างมากทีเดียว หนึ่งในความผิดปกติของดวงตาที่เราเจอกันบ่อยคือ อาการตาบอดสี เราจึงขอนำคุณมาทำความรู้จักความจริง 5 ประการเกี่ยวกับอาการ ตาบอดสี ปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็น

    รู้หรือไม่ คนเรานั้นมองเห็นสีไม่เหมือนกัน

    เมื่อมีคนถามว่า ใบผักโขมมีสีอะไร คำตอบของคุณอาจเป็น สีเขียว อย่างไรก็ตาม สีเขียว ที่แต่ละคนมองเห็นอาจไม่ใช่สีเขียวแบบเดียวกัน คุณและเพื่อนของคุณอาจจะมองเห็นสีเขียวไม่เหมือนกันก็ได้

    คุณมองเห็นสีสันของวัตถุต่าง ๆ เพราะว่าแสงนั้นส่องมายังวัตถุและสะท้อนมายังเลนส์ตาและกระจกตาของคุณ โดยมารวมกันที่จุดรับภาพของจอประสาทตา

    สีของแสงนั้นระบุได้ด้วยความยาวคลื่น หมายความว่า สีเขียว มีความยาวคลื่นที่คุณเห็นคือสีเขียว ใบผักโขมเป็นสีเขียวเพราะผิวของมันสะท้อนความยาวคลื่นสีเขียวและซึมซับความยาวคลื่นของสีอื่น ๆ ไว้

    มนุษย์แต่ละคนมองเห็นสีของวัตถุแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย เพราะตาและสมองทำหน้าที่ร่วมกันเพื่อระบุความแตกต่างของระดับความเข้มของแสงแตกต่างกัน

    สาเหตุของ อาการตาบอดสี คืออะไร

    ตาบอดสีอาจเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ ดวงตา สมอง หรืออาจเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น

    นอกจากนี้ ยังสามารถเกิดได้จากการที่เซลล์รูปกรวยทำหน้าที่บกพร่อง หรือไม่มีเซลล์รูปกรวยในดวงตาซึ่งอาจเป็นผลจากความบกพร่องของยีนส์บางตัวที่มีหน้าที่เฉพาะในกระบวนการสร้างเซลล์เหล่านี้

    เซลล์รูปกรวย (Cone cells) ทำหน้าที่จำแนกสีต่าง ๆ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ซึ่งจะทำหน้าที่รับรู้สีหลัก ๆ 3 สี ได้แก่ สีเขียว สีแดง และสีฟ้า

    หากคุณมีอาการตาบอดสี คุณอาจไม่มีเซลล์รูปกรวยอันใดอันหนึ่งหรือสองอัน หรืออาจะไม่มีเซลล์รูปกรวยทั้งหมดที่กล่าวมาก็ได้

    บางครั้งการกระทบกระเทือนทางร่างกายหรือได้รับสารเคมีบางชนิดที่ดวงตา ระบบประสาท หรือสมอง ก็สามารถส่งผลกระทบต่อการรับรู้สี และทำให้เกิดอาการตาบอดสีได้เช่นกัน

    นอกจากนี้ เมื่อคุณมีอายุมากขึ้น ก็อาจเกิดต้อกระจกซึ่งทำให้เลนส์ตากลายเป็นสีเหลือง และอาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่อาการตาบอดสีได้

    อาการตาบอดสี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

    ผลการวิจัยระบุว่า เพศชายมักมีอาการตาบอดสีมากกว่าเพศหญิง เพราะการตอบสนองของยีนที่ก่อให้เกิดอาการตาบอดสีนั้นอยู่ในโครโมโซม X

    เพศชายมีโครโมโซม X เพียงตัวเดียว ในขณะที่เพศหญิงมีโครโมโซม X สองโครโมโซม ในเพศหญิงนั้น หากโครโมรโซม X ตัวใดได้รับผลกระทบ อีกตัวจะทำหน้าที่ชดเชยกัน

    ผู้ที่ตาบอดสีแดงและสีเขียวมีอาการร่วมกัน

    ผู้ที่ตาบอดสีแดงและสีเขียวนั้นพบได้บ่อยที่สุดสำหรับผู้ที่มีอาการตาบอดสี เกิดขึ้นเพราะการขาดเซลล์รูปกรวยที่ทำหน้าที่รับรู้สีเขียวและสีแดง ผู้ที่ตาบอดสีแดงและสีเขียวจึงมักแสดงอาการร่วมกันระหว่างตาบอดสีแดงและตาบอดสีเขียว

    เลนส์พิเศษสามารถช่วยผู้มีอาการตาบอดสีได้

    อาการดังกล่าวอาจสร้างความรำคาญและทำให้ผู้มีอาการประสบความลำบากในการอ่านหนังสือ การเรียนรู้ หรือการขับรถ แต่ก็ไม่ได้ก่ออาการเจ็บป่วยรุนแรงแต่อย่างใด แม้ว่าอาการตาบอดสีนี้จะไม่สามารถรักษาได้ แต่คุณก็สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้

    มีตัวช่วยต่าง ๆ มากมายหากคุณมีอาการตาบอดสี โดยคุณอาจขอให้แพทย์ทำเลนส์พิเศษสำหรับผู้มีอาการตาบอดสี เลนส์เหล่านี้จะช่วยให้คุณมองเห็นสีต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น และยังสามารถใช้มันนอกสถานที่ได้ รวมถึงยังมีแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนที่ช่วยคุณรับรู้สีสันของวัตถุต่าง ๆ รอบตัวได้ดีขึ้นด้วย

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย อนันตา นานา · แก้ไขล่าสุด 04/06/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา