backup og meta

อาการอ่อนเพลีย เติมพลังยังไงให้กลับมาเฟรชอีกครั้งอย่างทันใจ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ออมสิน แสนล้อม · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

    อาการอ่อนเพลีย เติมพลังยังไงให้กลับมาเฟรชอีกครั้งอย่างทันใจ

    อาการอ่อนเพลีย เป็นอาการที่พบได้บ่อยๆ ในผู้ที่มีอายุเลยวัยกลางคนไปแล้ว อาการอ่อนเพลียอาจจะมีสาเหตุได้หลายประการ เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด การออกกำลังอย่างหนัก การขาดสารอาหาร หรือการเจ็บป่วยต่างๆ แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะ เพราะยังมีอยู่หลายวิธีที่สามารถเรียกพลังงานกลับคืนมา ทำให้คุณกลับมาแข็งแรงสดใสได้อีกครั้ง

    เทคนิคการฟื้นฟูจาก อาการอ่อนเพลีย แบบง่ายๆ

    กระตุ้นร่างกายในตอนเช้าๆ

    ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้วก็ตาม การกระตุ้นร่างกายด้วยการเล่นโยคะท่าสุริยนมัสการ หรือแค่ยืดเส้นยืดสายแบบง่ายๆ เพื่อช่วยกระตุ้นการสูบฉีดเลือด วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าไปได้ทั้งวันเลยนะ

    กระตุ้นร่างกายและสมองด้วยอาหารเช้า

    ในตอนเช้าๆ นั้น โปรตีนและไขมันคือสิ่งจำเป็นในการสร้างพลังงาน และอาหารเช้าที่มีประโยชน์ในปริมาณที่มากพอ ก็คือสิ่งที่ร่างกายต้องการ แล้วอาหารเช้าที่ดีที่สุดคืออะไรน่ะเหรอ? ก็น้ำปั่นเพื่อสุขภาพไง นี่เป็นอะไรที่เตรียมง่าย ย่อยง่าย และอุดมไปด้วยไขมัน โปรตีน สารอาหาร และอินทรียสารจากพืช ที่ช่วยให้คุณมีพลังงานไปได้ทั้งวัน ลองหาสูตรน้ำปั่นอร่อยๆ ทางอินเตอร์เน็ตดูนะ

    ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ

    อย่าปล่อยให้ชีวิตหยุ่งเหยิงไปตามภาระกิจที่วุ่นวายอยู่เลย ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณควรใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์แล้ว ต่อสู้กับความวุ่นวายรอบตัวคุณ แล้วเติมพลังให้กับร่างกาย ด้วยฟังเพลงที่ช่วยเยียวยาจิตใจซักสองสามนาที การให้เวลาตัวเองพักฟังเพลงนั้น จะช่วยให้ทั้งร่างกายและจิตใจรู้สึกสงบเยือกเย็นลงได้ ท่วงทำนองที่ฟังสบายๆ นั้น จะช่วยให้หัวใจของเราเต้นช้าลง และสูดอากาศเพื่อช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ ซึ่งนั่นจะส่งผลให้เรารู้สึกสบายใจสบายกายขึ้นมาทันที เพลงเร้กเก้ของบ๊อบ มาร์เล่ย์ และเสียงดนตรีบำบัดของโจนาธาน โกลด์แมน ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณไม่มีเวลาหรือสถานที่ในการฟังเพลง ก็ลองใช้วิธีฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ ดูนะ

    ดื่มน้ำเยอะๆ

    การขาดน้ำจะทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงาน และทำให้สมรรถภาพร่างกายถดถอยได้ ผลการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า การที่ร่างกายขาดน้ำจะทำให้นักกีฬาออกกำลังกายแบบยกน้ำหนักได้ยากลำบากขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือการขาดน้ำทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย แม้กับผู้คนที่แค่ทำงานบ้านเท่านั้น นอกจากนี้การขาดน้ำยังทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิและไม่ค่อยรู้สึกกระปรี้กระเปร่าด้วย วิธีที่จะรู้ว่าดื่มน้ำได้เพียงพอหรือยัง ก็คือสังเกตสีน้ำปัสสาวะดู ถ้าเป็นสีเหลืองอ่อนๆ ก็แสดงว่าพอเพียง แต่ถ้าเป็นสีเหลืองเข้ม ก็แสดงว่าคุณต้องดื่มน้ำให้มากขึ้น

    เข้านอนเร็ว

    การนอนไม่พอจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียในตอนกลางวัน วิธีแก้ปัญหาก็คือเข้านอนแต่หัววัน เพื่อจะได้มีระยะเวลาในการนอนอย่างเต็มที่ ผลการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นกว่า การนอนแบบมีคุณภาพนั้นส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม ฉะนั้นถ้าคุณนอนไม่พอ ก็หาเวลางีบหลับในช่วงบ่ายซะ การงีบหลับจะช่วยเพิ่มความตื่นตัว และช่วยในเรื่องสมรรถภาพร่างกายและการเรียนรู้ การงีบหลับเพียงแค่ 10 นาทีนั้น เป็นเวลาที่พอเพียงในการกระตุ้นพลังงานแล้ว พยายามอย่างีบหลับเกิน 30 นาที เพราะอาจจะก่อให้เกิดปัญหานอนไม่หลับในช่วงกลางคืนได้ นอกจากนี้การดื่มกาแฟหลังจากงีบหลับ ก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นพลังงานได้มากขึ้นด้วย

    กินน้ำมันปลา

    น้ำมันโอเมก้า-3 นอกจากจะดีต่อหัวใจแล้ว ยังช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกายด้วย ผลการศึกษาวิจัยโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาเลียนเมื่อปี 2009 นั้นพบว่า อาสาสมัครที่กินอาหารเสริมน้ำมันปลาเป็นเวลา 21 วันนั้น มีความคิดความอ่อนที่เร็วขึ้นกว่าปกติ และยังช่วยให้รู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นมาด้วย

    กินอาหารกลางวันให้เต็มที่

    แต่ต้องเลือกกินอะไรที่มีประโยชน์หน่อย และต้องจดจำเอาไว้ด้วยนะว่าการงดกินอาหารกลางวัน หรือกินอะไรนิดๆ หน่อยๆ ตอนบ่ายโมงนั้น ไม่ได้ช่วยเติมพลังงานที่พอเพียงให้คุณได้ ฉะนั้นก็กินอาหารกลางวันเข้าไปเยอะๆ อาหารกลางวันที่ดีนั้นควรมีทั้งโปรตีน ไขมัน และพืชผัก เพื่อช่วยคงความกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกาย

    พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน

    หรือกับพนักงานขายในร้านสะดวกซื้อหรือพนักงานในร้านซักแห้ง เวลาที่เราได้ทักทายหรือพูดคุยกับคนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ก็จะช่วยให้เรารู้สึกผูกพัน มีกำลังวังชา และมีความรู้สึกของความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้นเวลาที่มีปฎิสัมพันธ์กับผู้คนด้วย ฉะนั้นก็ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเป็นระยะๆ แล้วเดินไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานซะ

    กินบ่อยๆ

    คนบางคนก็อาจได้ผลประโยชน์จากการกินอะไรเป็นมื้อเล็กๆ แต่กินบ่อยๆ ในระหว่างกัน ซึ่งนั่นจะช่วยให้คุณรักษาระดับน้ำตาลในเลือดเอาไว้ได้ ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนอื่นๆ จะใช้เวลาในการย่อยนานกว่าคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี ซึ่งจะป้องกันการผันผวนของระดับน้ำตาลในเลือดได้ ถ้าคุณเริ่มกินอาหารให้บ่อยขึ้น ก็ควรระวังเรื่องปริมาณด้วย เพราะถ้ากินในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจทำให้น้ำหนักขึ้นได้

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ออมสิน แสนล้อม · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา