backup og meta

โรคข้ออักเสบไรเตอร์ จากการมีเพศสัมพันธ์

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์ · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 13/06/2023

    โรคข้ออักเสบไรเตอร์ จากการมีเพศสัมพันธ์

    โรคข้ออักเสบไรเตอร์ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียคลาไมเดีย ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ทั้งในน้ำอสุจิและน้ำจากช่องคลอด สามารถติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ส่งผลให้เกิดอาการข้ออักเสบ มีอาการของโรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะและเยื่อบุตาอักเสบ ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการบาดเจ็บที่ผิวหนัง และเยื่อเมือกบุผิว

    โรคข้ออักเสบไรเตอร์ คืออะไร

    โรคข้ออักเสบไรเตอร์ (Reiter’s Syndrome) หรือโรคข้ออักเสบรีแอคตีฟ (Reactive Arthritis) เป็นโรคในกลุ่มโรคข้อและกระดูกสันหลังอักเสบ (Spondyloarthropathy) ซึ่งถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นโรคข้ออักเสบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยมีเพียงอาการข้ออักเสบอย่างเดียว แต่อาจมีอาการของโรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะและเยื่อบุตาอักเสบร่วมด้วย ในผู้ป่วยบางรายยังพบว่ามีรอยโรค (Lesions) หรืออาการบาดเจ็บที่ผิวหนังและเยื่อเมือกบุผิว

    โรคข้ออักเสบไรเตอร์ติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์จริงไหม

    โรคข้ออักเสบไรเตอร์มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อคลาไมเดีย (Chlamydia trachomatis) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ทั้งในน้ำอสุจิและน้ำจากช่องคลอด สามารถติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ฉะนั้น หากทำกิจกรรมทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน หรือใช้เซ็กส์ทอยร่วมกับผู้อื่น ก็อาจเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างการติดเชื้อคลาไมเดีย และเสี่ยงเป็นโรคข้ออักเสบไรเตอร์

    นอกจากจะมีสาเหตุมาจากเชื้อคลาไมเดียที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์แล้ว โรคข้ออักเสบไรเตอร์ยังอาจติดต่อพร้อมกับการติดเชื้อแบคทีเรียในน้ำและอาหารที่บริโภคได้ด้วย เช่น

    • ซาลโมเนลลา (Salmonella)
    • แคมไพโลแบคเตอร์ (Campylobacter)
    • ชิเจลลา (Shigella)
    • เยอซิเนีย (Yersinia)
    • คลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล์ (Clostridium difficile)

    อาการของโรคข้ออักเสบไรเตอร์

    ผู้ที่ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบไรเตอร์ ไม่ได้มีอาการแค่ที่ข้อต่อเท่านั้น แต่ยังอาจมีอาการที่อวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกายด้วย ซึ่งสามารถสังเกตอาการของโรคข้ออักเสบไรเตอร์ได้ ดังนี้

    อาการโรคข้ออักเสบ

    • ข้อต่ออักเสบ ปวดบวม โดยเฉพาะบริเวณหัวเข่า ข้อเท้า และเท้า
    • ปวดตามจุดยึดเส้นเอ็น เช่น จุดยึดเอ็นใต้ฝ่าเท้า จุดยึดเอ็นร้อยหวาย (บริเวณส้นเท้า) จุดยึดเอ็นแถวกระดูกเชิงกราน
    • มีกระดูกงอกบริเวณส้นเท้า (จุดยึดเอ็นร้อยหวาย) ทำให้ปวดเรื้อรัง
    • กระดูกสันหลังอักเสบ
    • ปวดหลังส่วนล่าง และมีอาการข้อติดตอนเช้า (Morning Stiffness)

    เวลาปวดมักจะปวดพร้อมกันหลายจุด อาการเป็น ๆ หาย ๆ เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบา และมักมีอาการติดต่อกันนาน 1-4 เดือน

    ระบบทางเดินปัสสาวะ

    ผู้ชาย

    • ปัสสาวะเพิ่มขึ้น
    • ปัสสาวะแสบขัด
    • อาจมีสารคัดหลั่งออกมาจากอวัยวะเพศ โดยเฉพาะในช่วงเช้า
    • ต่อมลูกหมากอักเสบ ทำให้มีไข้ หนาวสั่น

    ผู้หญิง

    • มีอาการอักเสบในระบบสืบพันธุ์ เช่น ปากมดลูกอักเสบ ท่อนำไข่อักเสบ ปากช่องคลอดอักเสบ
    • ท่อปัสสาวะอักเสบ ทำให้ปัสสาวะแสบขัด

    ผู้หญิงบางคนที่ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบไรเตอร์ อาจไม่แสดงอาการของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ

    ดวงตา

    • ตาแดง
    • เจ็บตา ระคายเคืองตา
    • มองเห็นไม่ชัด
    • เยื่อบุตาอักเสบ
    • ม่านตาอักเสบ

    นอกจากนี้ ยังอาจมีอาการอื่น ๆ ด้วย เช่น

    • ผิวหนังเป็นผื่น โดยเฉพาะที่ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้า
    • มีแผลในปาก หรือแผลที่ลิ้น
    • น้ำหนักลด
    • เบื่ออาหาร
    • เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
    • มีไข้

    ปัจจัยเสี่ยงของโรคข้ออักเสบไรเตอร์

    แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคข้ออักเสบไรเตอร์นั้นสามารถพบได้ทั่วไป ไม่ว่าใครก็มีโอกาสได้รับเชื้อจนพัฒนาเป็นโรคนี้ได้ แต่จากสถิติพบว่า โรคนี้พบมากในกลุ่มผู้ชายวัย 20-40 ปี โดยผู้ป่วยส่วนหนึ่งถูกตรวจพบว่ามียีนที่เรียกว่า HLA-B27 อยู่ในร่างกาย และผู้ป่วยที่มียีนนี้มักมีอาการของโรคกำเริบเฉียบพลัน รุนแรง และเรื้อรังกว่าคนที่ไม่มียีนนี้ด้วย นั่นหมายความว่า ผู้ที่มียีน HLA-B27 อาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ได้มากกว่า

    แต่นอกจากคนกลุ่มนี้แล้ว ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำเนื่องจากติดเชื้อเอชไอวี โดยเฉพาะหากอยู่ในระยะเอดส์ ก็เสี่ยงเป็นโรคข้ออักเสบไรเตอร์ได้เช่นกัน ยิ่งถ้าเป็นผู้ป่วยเอชไอวีที่มียีน HLA-B27 ด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 75% และหากคุณหมอตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคข้ออักเสบไรเตอร์ ก็อาจให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารด้วย

    วิธีรักษาและป้องกันโรคข้ออักเสบไรเตอร์

    การรักษาโรคข้ออักเสบไรเตอร์

    การรักษาโรคข้ออักเสบไรเตอร์ คุณหมอจะต้องพิจารณาถึงอาการที่เป็น ว่ามีอาการอะไรบ้าง และอาการรุนแรงแค่ไหน รวมถึงอายุ และภาวะสุขภาพด้วย โดยวิธีรักษาโดยทั่วไป เช่น

    • ใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการติดเชื้อ
    • ใช้ยาต้านการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Nonsteroidal Anti-inflammatory Drug หรือ NSAID) และยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เพื่อลดอาการอักเสบ
    • ใช้ยายากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressive drug) เช่น เมโธเทรกเซท (Methotrexate) เพื่อควบคุมอาการอักเสบ
    • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อลดอาการปวดและอักเสบ
    • ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก กล้ามเนื้อ และข้อต่อ ทำให้อวัยวะดังกล่าวทำงานดีขึ้น

    วิธีป้องกันโรคข้ออักเสบไรเตอร์

    • ใช้อุปกรณ์ป้องกันการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น แผ่นยางอนามัย ถุงยางอนามัย ทุกครั้งเมื่อทำกิจกรรมทางเพศ
    • มีความสัมพันธ์กับคู่เพียงคนเดียว หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า ความสัมพันธ์แบบผัวเดียว-เมียเดียว (Monogamous Relationship)
    • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ หากเคยมีเพศสัมพันธ์ควรตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย
    • ล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบจับอาหาร หรือกินอาหาร
    • กินอาหารที่ปรุงสุก สะอาด ถูกหลักอนามัย

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 13/06/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา