backup og meta

สูตรน้ำมะละกอปั่น

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 19/05/2020

    สูตรน้ำมะละกอปั่น

    เมื่อพูดถึงผลไม้เมืองร้อนอย่างมะละกอ หากเป็นมะละกอดิบ คนส่วนใหญ่น่าจะนึกไปถึงเมนูส้มตำสุดแซ่บ ไม่ว่าจะเป็นส้มตำไทย ส้มตำปลาร้า ตำซั่ว  และอื่น ๆ อีกหลากหลาย หรือหากเป็นมะละกอสุก ก็คงจะนึกถึงมะละกอสุกหั่นชิ้น รสชาติหวานฉ่ำ ยิ่งแช่เย็นก่อนกินก็ยิ่งชื่นใจ แต่สำหรับใครที่เบื่อการกินมะละกอสุกแบบธรรมดา และอยากรังสรรค์เมนูจากมะละกอสุกใหม่ ๆ ให้น่ากินยิ่งกว่าเดิม เราขอแนะนำ สูตรน้ำมะละกอปั่น สูตรเด็ด บอกเลยว่าเมนูนี้อร่อย ได้ประโยชน์ แถมช่วยคลายร้อนได้ดีสุด ๆ

    สูตรน้ำมะละกอปั่น

    ส่วนผสม น้ำมะละกอปั่น

    • เนื้อมะกะกอสุกหั่นชิ้น      1 ถ้วย
    • น้ำเย็น                              ½ ถ้วย
    • น้ำแข็ง                             ½ ถ้วย
    • น้ำมะนาว                         1 ช้อนโต๊ะ
    • น้ำผึ้ง                               2 ช้อนโต๊ะ
    • เกลือป่น                          1 หยิบมือ
    • มะนาวฝานบาง ๆ สำหรับตกแต่ง
    • ใบสะระแหน่ สำหรับตกแต่ง

    วิธีทำ น้ำมะละกอปั่น

    1. ใส่น้ำแข็ง เนื้อมะละกอ น้ำเย็น น้ำมะนาว น้ำผึ้ง เกลือป่นลงในโถปั่น ปั่นจนเนื้อเนียนละเอียดเข้ากัน
    2. เทเครื่องดื่มใส่แก้วที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยมะนาวฝาน กับใบสะระแหน่

    เพียงแค่นี้ คุณก็ได้เมนูผลไม้ปั่นอย่าง น้ำมะละกอปั่น ไว้ดับกระหายคลายร้อน แนะนำว่า ปั่นเสร็จแล้วควรดื่มทันที ร่างกายจึงจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุดี ๆ มีประโยชน์อย่างครบถ้วน

    มะละกอสุกนั้นจัดเป็นผลไม้ที่น้ำตาลสูงอยู่แล้ว หากใครอยากลดปริมาณน้ำตาลที่จะได้รับ ก็ควรลดปริมาณน้ำผึ้งลง หรืองดใส่น้ำผึ้งไปเลย และอย่าใส่น้ำผึ้งเกินปริมาณที่แนะนำ เพื่อไม่ได้ร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลเกินที่แนะนำต่อวัน

    ประโยชน์สุขภาพของผลไม้หน้าร้อนอย่าง มะละกอ

    มะละกอสุก นอกจากจะเนื้อนุ่ม หวานฉ่ำ กินอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์สุขภาพอีกนานัปการ เช่น

    • อุดมไปด้วยซีแซนทีน

    ซีแซนทีน (Zeaxanthin) เป็นสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการบำรุงสายตา ช่วยกรองรังสียูวีจากแสงแดด ปกป้องเซลล์จอตาไม่ให้ถูกทำลาย และช่วยป้องกันโรคตา เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อมตามวัย

    • มีวิตามินเค

    วิตามินเค (Vitamin K) เป็นวิตามินสำคัญที่ช่วยให้สุขภาพกระดูกและฟันแข็งแรง เพราะเมื่อร่างกายได้รับวิตามินเคอย่างพอเพียง ก็จะช่วยให้ดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น และช่วยลดการสูญเสียแคลเซียมไปกับปัสสาวะด้วย หากร่างกายได้รับวิตามินเคไม่เพียงพอ ก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกแตกหักได้มากขึ้น

    • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

    แม้มะละกอจะได้ชื่อว่าเป็นผลไม้ที่น้ำตาลค่อนข้างสูง แต่หากกินแต่พอดี ก็มีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ เนื่องจากมะละกออุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด และการหลั่งอินซูลิน (insulin) ให้เป็นปกติ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างระบบการเผาผลาญให้ดีขึ้นด้วย

    • มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง

    ผลการศึกษาวิจัยพบว่า สารพฤกษเคมีในกลุ่มแคโรทีนอยด์อย่างไลโคปีน (Lycopene) ในมะละกอ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ โดยการช่วยลดปริมาณอนุมูลอิสระในร่างกายที่นำไปสู่การเกิดโรคมะเร็ง ซึ่งคุณสมบัติเด่นข้อนี้อาจช่วยป้องกันมะเร็งทั้งในผู้ที่สุขภาพดีและผู้ที่มีความเสี่ยง ทั้งยังอาจส่งผลดีต่อผู้ที่กำลังรักษามะเร็งด้วย

    นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังพบข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า จากการเปรียบเทียบผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนมูลอิสระ มีเพียงสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในมะละกอเท่านั้น ที่มีฤทธิ์ต่อต้านการเจริญเติบโตและการทำงานของเซลล์มะเร็งเต้านมได้ แต่นักวิจัยก็ระบุว่า ยังคงต้องมีการศึกษาวิจัยข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป

    • อาจช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจ

    ผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นพบว่า มะละกอมีไลโคปีนและวิตามินซีสูง จึงอาจช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ นอกจากไลโคปีนและวิตามินซีแล้ว มะละกอยังมีวิตามินและแร่ธาตุอีกหลายชนิดที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งอาจช่วยปกป้องสุขภาพหัวใจ และช่วยเพิ่มระดับไขมันดี หรือเอชดีแอล-คอเลสเตอรอล (HDL cholesterol)

    นอกจากนี งานวิจัยชิ้นหนึ่งยังพบว่า ผู้ที่กินอาหารเสริมมะละกอหมักติดต่อกันเป็นเวลา 14 สัปดาห์ มีการอักเสบเกิดขึ้นในร่างกายน้อยลด และมีระดับไขมันดี (เอชดีแอล-คอเลสเตอรอล) และไขมันเลว (แอลดีแอล-คอเลสเตอรอล หรือ LDL cholesterol) ดีขึ้นมากกว่าผู้ที่กินยาหลอก (Placebo effect) ซึ่งระดับไขมันที่ดีขึ้นนี้เชื่อมโยงกับความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจที่ลดลง

    • ช่วยเรื่องการย่อยอาหาร

    ปาเปน (Papain) เป็นเอนไซม์ที่พบมากในมะละกอ ซึ่งช่วยให้ร่างกายสามารถย่อยโปรตีนได้ง่ายขึ้น ประชาชนในเขตร้อน รวมถึงประเทศไทย จึงนิยมกินมะละกอทั้งสุกและดิบเพื่อบรรเทาอาการท้องผูก และโรคลำไส้แปรปรวน

    อีกทั้งงานศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งยังพบว่า คนที่กินอาหารที่มีมะละกอเป็นวัตถุดิบหลักติดต่อกัน 40 วัน มีอาการท้องผูกและอาการท้องอืดดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    นอกจากประโยชน์ที่กล่าวมาแล้ว มะละกอยังช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยปกป้องผิวไม่ให้ถูกแสงแดดทำลาย ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ช่วยบำรุงผม ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ และอีกมายมาย เราจึงไม่อยากให้คุณพลาดเมนูจากมะละกอ โดยเฉพาะสูตรน้ำมะละกอปั่นที่เรานำมาฝาก ไม่ว่าในฤดูร้อนหรือฤดูไหน ๆ

    สูตรน้ำมะละกอปั่น - มะละกอสุก

    ความเสี่ยงที่ต้องระวัง

    ผู้ที่มีอาการแพ้ยาง (Latex Allergy) อาจต้องระมัดระวัง หรืองดกินมะละกอ เนื่องจากในมะละกอมีเอนไซม์ที่เรียกว่า ไคติเนส (Chitinase) ซึ่งอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาข้ามกัน (Cross-reaction) ระหว่างยางและอาหารที่มีไคติเนส จนทำให้อาการแพ้กำเริบได้

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 19/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา