สูตรไก่ผัดเทอริยากิ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

เขียนโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย · แก้ไขล่าสุด 08/02/2021

ไก่ผัดเทอริยากิ ถือเป็นอาหารญี่ปุ่นอีกหนึ่งชนิดที่เป็นที่นิยมชอบหลายๆ คน โดยปกติหลายคนทักจะทานเพราะรสชาติความอร่อย แต่จริงๆ แล้วไก่ผัดเทอริยากินั้นมีคุณค่าทางโภชนาการแฝงอยู่ด้วย ยิ่งถ้าคุณเลือกปรุงไก่ผัดเทอริยากิด้วยตัวเองด้วยแล้วล่ะก็ จะมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะคุณจะสามารถควบคุมส่วนผสมต่างๆ เพื่อให้เหมาะกับร่างกายได้นั่นเอง ดังนั้น Hello คุณหมอ จึงได้นำ สูตรไก่ผัดเทอริยากิ มาฝากกัน

ประโยชน์ของไก่เทอริยากิ

ไก่เทอริยากิ มีคุณค่าทางโภชนาการ เพราะเป็นแหล่งโปรตีน และสารอาหารที่ดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีไขมันและแคลอรี่สูง ดังนั้นวิธีการปรุงจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า ไก่ นั้น เป็นแหล่งโปรตีนที่ร่างกายต้องการ เพราะช่วยในการเจริญเติบโต ซ่อมแซม และบำรุงเนื้อเยื่อ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นอกจากนั้น ไก่ ยังเป็นแหล่งของฟอสฟอรัส ซีลิเนียม เหล็ก แมกนีเซียม และวิตามินบีอีกด้วย

โดยปกติแล้ว ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือผู้ที่ออกกำลังกาย มักจะเลือกทานอกไก่ เพราะมีไขมัน และแคลอรี่ที่ต่ำ ดังนั้น ส่วนของไก่ที่ควรเลือกทานเพื่อสุขภาพ ก็คือ อกไก่ และเนื้อส่วนขา นอกจากนั้น ก่อนปรุงอาหารควรลอกเอาส่วนหนังออกเสียก่อน เพื่อให้ไก่มีความบาง นั่นเอง

สูตรไก่ผัดเทอริยากิ

ซอสเทอริยากิ มีประโยชน์อย่างไร

จุดเริ่มต้นของ ซอสเทอริยากิ มาจากส่วนผสมของซีอิ๊วและเครื่องเทศในญี่ปุ่น แต่ชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นในฮาวาย ได้ทำการเพิ่มขิง น้ำตาลทรายแดง และน้ำสับปะรด ลงไป ซึ่งซอสเทอริยากินนั้นเป็นตัวช่วยเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อสัตว์ อย่าง เนื้อไก่ นั่นเอง ถึงแม้ในซอสเทอริยากิ จะมีโซเดียมที่สูง แต่หากถ้าคุณรู้ส่วนประกอบทั้งหมดของซอส ก็จะสามารถควบคุมปริมาณของส่วนผสมต่างๆ ได้

ซอสเทอริยากิ แม้จะมีโซเดียมสูง แต่ให้พลังงานเพียง 16 แคลอรี่เท่านั้น ซึ่งถือเป็นแคลอรี่ที่ต่ำ ดังนั้น ซอสเทอริยากิ จึงเป็นซอสที่สามารถทานในช่วงที่คุณควบคุมน้ำหนักได้ เพราะแคลอรี่ทั้งหมดในซอสเทอริยากิ มาจากคาร์โบไฮเดรต นอกจากนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ก็สามารถใช้ซอสเทอริยากิในการปรุงรสอาหารได้เช่นกัน

แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ และเป็นโรคเกี่ยวกับความดันโลหิต ไม่ควรบริโภคซอสเทอริยากิในปริมาณที่มากจนเกินไป เนื่องจากมีโซเดียมสูงถึง 690 มิลลิกรัม ซึ่งเมื่อคุณได้รับปริมาณโซเดียมมากกินไป จะทำให้ร่างกายเก็บของเหลว ซึ่งเป็นการเพิ่มความดันโลหิต และเสี่ยงต่อโรคหัวใจนั่นเอง