backup og meta

อาหารต้านหวัด เมื่อเป็นหวัดควรทานอาหารอะไรถึงจะดี?

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย · แก้ไขล่าสุด 16/06/2021

    อาหารต้านหวัด เมื่อเป็นหวัดควรทานอาหารอะไรถึงจะดี?

    สำหรับในบางคนแล้วการเป็นหวัดดูเหมือนจะเรื่องปกติไปเสียแล้ว เพราะเป็นหวัดบ่อยเสียเหลือเกิน บางคนเมื่อเป็นหวัดแล้ว ก็มักจะใช้ระยะเวลานานกว่าจะหายดี ดังนั้น นอกจากการดูแลตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอแล้ว เรื่องการเลือกทานอาหารก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ การเลือกทาน อาหารต้านหวัด ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยทำให้คุณห่างไกลจากโรคหวัด วันนี้ Hello คุณหมอ มีเรื่องนี้มาฝากกัน

    อาหารต้านหวัด มีอะไรบ้างที่ควรทานตอนเป็นหวัด

    อาหารต้านหวัด บางอย่างอาจจะเป็นอาหารที่บริโภคอยู่เป็นประจำ แต่คุณอาจจะไม่รู้ว่ามันมีคุณสมบัติในการต้านหวัดได้ ดังนั้น ลองมาดูกันดีกว่าว่า อาหารต้านหวัดนั้นมีอะไรบ้าง

    เห็ด

    สำหรับเห็ดนั้นมีคุณสมบัติในการต้านไวรัส ซึ่งเมื่อทานเช้าไปแล้วมันสามารถช่วยให้ร่างกายของคุณต่อต้านเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ แต่เห็ดแต่ละชนิดมักมีสิ่งที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่ทั้งหมดก็มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการบริโภคเห็ดหลายๆ ชนิดรวมกันจึงถือเป็นเรื่องที่ควรทำเป็นอย่างมาก

    น้ำซุป

    เมื่อคุณเป็นไข้หวัด น้ำซุปถือเป็นอาหารที่คุณสามารถรับประทานได้ทันทีตั้งแต่เริ่มเป็นหวัด และสามารถทานไปจนกว่าคุณจะหายดีได้เลย น้ำซุปช่วยป้องกันการขาดน้ำ ทั้งยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย บรรเทาอาการเจ็บคอ และบรรเทาอาการอึดอัดต่างๆ ได้ด้วย

    กระเทียม

    กระเทียม สามารถลดความรุนแรงของอาการหวัด และไข้หวัดใหญ่ได้ ด้วยการเข้าไปช่วยเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดขาวในเลือด ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้

    ซุปไก่

    จากการศึกษาในปี 2000 พบว่า ส่วนผสมในซุปไก่นั้นสามารถต่อสู้กับอาการอักเสบในร่างกายได้ ทั้งยังช่วยแก้อาการคัดจมูก บรรเทาอาการอื่นๆ ในทางเดินหายใจ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกายได้

    แครอท

    แครอทนั้นอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอ ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้ช่วยทำให้ร่างกายของคุณซ่อมแซมระบบภูมิคุ้มกันที่บกพร่องได้ นอกจากนั้นวิตามินเอยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันความเสียหายของเซลล์ในร่างกายอีกด้วย

    โยเกิร์ต

    โยเกิร์ต สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ทั้งยังสามารถเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ดังนั้น เมื่อเกิดอาการเจ็บคอ ลองเลือกทานโยเกิร์ตแบบที่ไม่เพิ่มน้ำตาล จะสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอที่เกิดขึ้นได้

    ผลไม้ที่มีวิตามินซี

    วิตามินซี นั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสารอาหารที่สามารถต่อสู่กับโรคไข้หวัดได้ แถมยังเป็นสารอาหารที่สำคัญในการช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยพาะอย่างยื่งเวลาที่คุณป่วย นอกจากนั้นร่างกายของเรายังสามารถดูดซึมวิตามินซีได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ดังนั้นวิตามินซีจึงกลายเป็นสารอาหารสำคัญที่ควรเลือกทานเมื่อยามที่คุณเป็นไข้หวัด

    คีเฟอร์ (Kefir) 

    คีเฟอร์ (Kefir) คือ นมที่หมักกับหัวเชื้อจุลินทรีย์ รสคล้ายโยเกิร์ตแต่เข้มข้นกว่า ทั้งยังอุดมไปด้วยแบคทีเรียที่ดีต่อกระเพาะและลำไส้อย่าง โปรไบโอติก (Probiotics) ซึ่งโปรไบโอติกนี้สามารถลดระบะเวลาในการพักฟื้นมื่อป่วยเป็นไข้หวัดได้ทนอกจากนั้นมันยังมีความสำคัญต่อการย่อยอาหารที่เหมาะสมอีกด้วย หากไม่มีการย่อยอาหารที่เหมาะสมก็จะส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารเพื่อช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้

    ไข่

    ไข่มีซีลีเนียม (Selenium) ที่ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันและต่อมไทรอยด์ทำงานได้ดี ทั้งยังมีโปรตีนและกรดอะมิโนสูงมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน จึงช่วยป้องกันหวัดและไข้หวัดใหญ่

    เมล็ดฟักทอง

    เมล็ดฟักทอง อุดมไปด้วยร่าตุ วิตามินอี ซึ่งเป็นสารอาหารอีกชนิดที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ดังนั้น การบริโภคเมล็ดฟักทอง จึงช่วยให้คุณห่างไกลจากโรคหวัดได้

    ผักใบเขียว

    ผักใบเขียว เช่น ผักโขม ผักคะน้า และผักอื่นๆ สามารถช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของคุณยามที่คุณเป็นไข้หวัดได้ นอกจากนั้นผักใบเขียว ยังมีวิตามินซีและวิตามินอี ซึ่งเป็นสารอาหารที่เสริมภูมิคุ้มกันนั่นเอง ซึ่งคุณสามารถบริโภคแบบดิบๆ หรือจะปั่นรวมกับน้ำมะนาวก็ได้เช่นกัน

    บร็อคโคลี่

    บร็อคโคลี่ เป็นแหล่งพลังงานที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งยังมีวิตามินซี วิตามินอี แคลเซียม และไฟเบอร์ ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย บร็อคโคลี่จึงถือเป็นอาหารต้านหวัดอีกหนึ่งชนิดที่ควรเลือกทาน เมื่อคุณเป็นไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

    น้ำ

    น้ำมีความสำคัญต่อกระบายการสรีรวิทยาทุกอย่างในร่างกาย เมื่อร่างกายขาดน้ำ ร่างกายก็จะไม่สามารถทนต่อความเจ็บป่วยตามที่ควรได้ นอกจากนั้นแล้วการดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมยังช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณได้อีกด้วย

    จมูกข้าวสาลี

    จมูกข้าวสาลีอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามินอี ซีลีเนียม (Selenium) และแมกนีเซียม ทั้งยังเป็นแหล่งมังสวิรัติที่สำคัญของธาตุสังกะสี การทานจมูกข้าวสาลีจึงช่วยทำให้ร่างกายของคุณต่อต้านกับอาการไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ได้เป็นอย่างดี

    ข้าวโอ๊ตบด

    เมื่อคุณป่วย ข้าวโอ๊ตบดร้อนๆ ถือเป็นอาหารที่ควรเลือกทาน เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูง เนื่องจากข้าวโอ๊ตนั้นอุดมด้วยวิตามินอีที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งยังมีสารต้าอนมูลอิสระ อย่าง โพลีฟีนอล (Polyphenol) ที่ทำหน้าที่ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอีกด้วย

    เครื่องเทศ

    ในช่วงท้ายๆ ของการเป็นไข้หวัดใหญ่ คุณอาจจะมีอาการไซนัสและอาการแน่นหน้าอกเกิดขึ้น เครื่องเทศบาชนิด เช่น พริกไทย และมะรุม สามารถช่วยลดอาการเหล่านี้ลงได้ จึงทำให้คุณสามารถหายใจได้ดีขึ้น แต่หากคุณมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจะเป็นการดีที่สุด

    ขิง

    ขิงสามารถช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ที่มาพร้อมกับไข้หวัด โดยปกติแล้วขิงมีสรรพคุณที่ช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร ทั้งยังสามารถรักษาอาการแพ้ท้อง อาการคลื่นไส้ที่เกิดจากการทำเคมีบำบัด และลดความถี่ของการอาเจียนในระหว่างตั้งครรภ์ได้อีกด้วย

    อาหารที่มีรสหวาน

    ไข้หวัดอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ทั้งยังอาจทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร ดังนั้นการเลือกทานอาหารที่มีรสหวานผสมอยู่ อย่าง ขนมปัง หรือข้าวกล้อง อาจจะง่ายต่อการบริโภคมากกว่า การจับคู่ขนมปังปิ้งหรือข้าวกล้องกับซุป หรืออาหารที่ทำจากผักง่ายๆ จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่เพียงพอ

    อัลมอนด์

    อัลมอนด์มีวิตามินซีสูงมาก ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน จึงสามารถช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายได้ จากการศึกษาในปี 2020 ของอิตาลี พบว่า สารเคมีที่เกิดขึ้นในธรรมชาติที่พบในอัลมอนด์นั้น สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อการติดเชื้อได้

    กานพลู

    กานพลูสามารถชะลอการตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกันและช่วยย่ออาหาร ส่วนผสมหลักในกานพลู มีศักยภาพในการสร้างภูมิคุ้มกัน มีประสิทธิภาพในการต่อต้านแบคทีเรียและไวรัส ในความเป็นจริงแล้วคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระของกานพลูนั้น สูงกว่าเครื่องเทศ ผักและผลไม้ส่วนใหญ่ ซึ่งคุณสามารถนำกานพลูใส่เพิ่มลงไปในอาหารได้ ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย · แก้ไขล่าสุด 16/06/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา