backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ฝีมะม่วง อาการ สาเหตุ การรักษา

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงสุจิณันฐ์ นันทาภิวัธน์ · สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลนครพิงค์


เขียนโดย Duangkamon Junnet · แก้ไขล่าสุด 06/04/2022

ฝีมะม่วง อาการ สาเหตุ การรักษา

ฝีมะม่วง (Lymphogranuloma Venereum หรือ LGV) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศ รวมทั้ง อาการเลือดคั่งบริเวณอวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองโตที่ขาหนีบ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดบวมและเดินลำบาก หากรู้สึกว่ามีอาการเจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศควรเข้ารับการตรวจโดยคุณหมอในทันที

คำจำกัดความ

ฝีมะม่วงคืออะไร

ฝีมะม่วง คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากแบคทีเรียคลามีเดีย (Chlamydia trachomatis) หรือจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อเข้าสู่ผิวหนังที่มีแผลเปิด ก่อให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอดหรือปากมดลูก ซึ่งอาจไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ทำให้การติดเชื้อลุกลามเเละส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้างบวม เป็นฝีขนาดใหญ่ และทำให้อวัยวะเพศมีเลือดคั่ง

ฝีมะม่วงสามารถพบในทุกช่วงวัยตั้งแต่ 15-40 ปี และมีโอกาสเป็นได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงเท่า ๆ กัน แต่อาจพบว่าเพศชายเป็นมากกว่า เนื่องจากในเพศชายมักแสดงอาการชัดเจนกว่า โดยเฉพาะกลุ่มรักร่วมเพศระหว่างชายกับชาย และมักพบในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเอชไอวี

อาการ

อาการของฝีมะม่วง

ผู้ป่วยฝีมะม่วงมักแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อไปแล้วประมาณ 3-30 วัน เบื้องต้นอาจเป็นแผล หรือฝีขนาดเล็กบริเวณอัณฑะหรือช่องคลอด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่ทันสังเกตเห็น หรืออาจไม่มีอาการ โดยเฉพาะอาการในผู้หญิงจะแสดงชัดเจนหลังจากเชื้อพัฒนาลุกลามมากขึ้น แต่สำหรับผู้ชายจะมีอาการค่อนข้างเด่นชัดหรือรุนแรงตั้งแต่ระยะแรกหลังได้รับเชื้อ และแม้ในบางรายไม่แสดงอาการแต่ยังสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ อาการของฝีมะม่วงมีดังนี้

  • มีแผล หรือเป็นริดสีดวงทวารหนัก ทำให้อาจมีเลือดหรือหนองไหลออกจากทวารหนัก
  • มีเลือดคั่งหรือมีหนองไหลออกมาจากบริเวณอวัยวะเพศ
  • รู้สึกเจ็บปวดบริเวณทวารหนักเวลาเบ่ง ถ่ายอุจจาระ หรือมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
  • ท้องผูก
  • มีน้ำใสไหลจากต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบ
  • ผิวหนังบริเวณขาหนีบข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2  ข้างบวมแดง มีลักษณะเป็นก้อนฝีขนาดใหญ่
  • ผู้หญิงอาจมีริมฝีปากบวม
  • สาเหตุ

    สาเหตุของฝีมะม่วง

    สาเหตุของการเกิดฝีมะม่วงเกิดจากเชื้อแบคทีเรียคลามีเดียที่เข้าสู่ผิวหนังแล้วแพร่ไปยังต่อมน้ำเหลือง จนทำลายเนื้อเยื่อและอวัยวะรอบ ๆ ต่อมน้ำเหลือง ทำให้ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบอักเสบ บวมแดงและเจ็บปวด กลายเป็นก้อนฝีหนอง หรืออาจเป็นแผลเน่าเปื่อยได้ อีกทั้งยังอาจมาจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อแบคทีเรียคลามีเดียเข้าผ่านผิวหนังที่มีแผลเปิด ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยโดยไม่สวมถุงยางอนามัยป้องกัน

    ปัจจัยเสี่ยง

    ปัจจัยเสี่ยงของฝีมะม่วง

    กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสสูงเป็นฝีมะม่วง มีดังนี้

    • ติดเชื้อเอชไอวี
    • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
    • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกัน ไม่ว่าจะทางปาก ทวารหนัก หรือทางช่องคลอด
    • มีเพศสัมพันธ์แบบหมู่
    • การใช้มือสอดใส่หรือสัมผัสช่องคลอด
    • ใช้เซ็กส์ทอยร่วมกันโดยไม่ใส่ถุงยางอนามัยหรือล้างทำความสะอาดก่อนใช้

    การวินิจฉัยและการรักษา

    ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ใด ๆ ควรปรึกษาหมอของคุณทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพื่อเติม

    การวินิจฉัยฝีมะม่วง

    การวินิจฉัยฝีมะม่วงอาจสามารถเข้ารับการตรวจได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

    • เก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อบริเวณต่อมน้ำเหลืองเข้ารับการตรวจ
    • การตรวจเลือดหาเชื้อแบคทีเรีย
    • ตรวจการไหลของน้ำใสจากต่อมน้ำเหลือง บริเวณขาหนีบหรือบริเวณอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ
    • การเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากแผลบริเวณอวัยวะเพศหรือปากไปตรวจ

    การรักษาฝีมะม่วง

    วิธีรักษาฝีมะม่วงสามารถรักษาให้หายได้ภายในระยะเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ การรักษาโดยการใช้ยาและการผ่าตัด ดังนี้

    การใช้ยา

    • รับประทานยาปฏิชีวนะ เช่น ยาดอกซีไซคลิน (Doxycycline) ขนาด 100 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้งติดต่อกันประมาณ 21 วัน หรือ ยาอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) หรืออิริโธรมัยซิน (Erythromycin) ขนาด 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง
    • รับประทานยาแก้ปวด เช่น อะเซตามีโนเฟน (Acetaminophen) ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)

    การผ่าตัด

    • การผ่าตัดระบายน้ำเหลืองออก หรือระบายหนองออก เพื่อลดผลข้างเคียงการอักเสบเรื้อรัง อาการขับถ่ายผิดปกติ อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

    การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

    การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันฝีมะม่วง

    วิธีป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียที่อาจนำไปสู่การเกิดฝีมะม่วง ได้แก่

    • สวมถุงยางอนามัยก่อนมีเพศสัมพันธ์
    • รับประทานยาตามที่คุณหมอกำหนด
    • ตรวจร่างกาย เป็นประจำ
    • ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
    • ดูแลทำความสะอาดอวัยวะเพศด้วยความระมัดระวังทุกครั้งหลังมีเพศสัมพันธ์หรือมีกิจกรรมทางเพศ
    • หากสงสัยว่าติดเชื้อฝีมะม่วง ให้งดการมีเพศสัมพันธ์ และปรึกษาคุณหมอ
    • สังเกตคู่นอนว่ามีสัญญาณเตือนของอาการฝีมะม่วงหรือไม่ เพื่อเข้ารับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงสุจิณันฐ์ นันทาภิวัธน์

    สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลนครพิงค์


    เขียนโดย Duangkamon Junnet · แก้ไขล่าสุด 06/04/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา