backup og meta

ดูแลรักษารอยสัก อย่างไรให้ถูกวิธีและสิ่งที่ควรรู้

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet


เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ · แก้ไขล่าสุด 25/04/2023

    ดูแลรักษารอยสัก อย่างไรให้ถูกวิธีและสิ่งที่ควรรู้

    ดูแลรักษารอยสัก เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการดูแลผิว เพราะนอกจากจะช่วยบำรุงสุขภาพผิวให้แข็งแรงแล้ว ยังอาจช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและการติดเชื้อ ช่วยลดบรรเทาอาการเจ็บปวด ลดรอยแดง รวมถึงอาจช่วยป้องกันการอักเสบบริเวณรอยสัก และอาจทำให้รอยสักดูสวยงามอยู่เสมอ

    ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากรอยสัก

    รอยสักเกิดจากการใช้เข็มที่มีหมึกวาดลงบนผิวหนัง ส่งผลทำให้ผิวหนังเปิดจนเกิดอาการปวด บวม คัน เจ็บ ทั้งยังเสี่ยงในการเกิดการติดเชื้อ โดยอาจสังเกตได้จากการที่หมึกส่วนเกินไหลออกมาพร้อมกับเลือดและอาจมีของเหลวไหลออกมาร่วมด้วย ซึ่งอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้ ดังนั้น การดูแลรักษารอยสักจึงอาจช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ดังนี้

    1. การติดเชื้อ

    รอยสักที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมอาจเกิดการติดเชื้อ ส่งผลทำให้ผิวหนังบริเวณรอยสักมีสีแดง รู้สึกอุ่น ๆ และเจ็บปวด นอกจากนี้ หากอุปกรณ์สักหรือหมึกที่ใช้ในการสักมีการปนเปื้อนยังอาจทำให้มีหนองไหลออกมาจากรอยสัก และยังอาจเกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อในกระแสเลือด เช่น ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี บาดทะยัก เอชไอวี

    2. อาการแพ้รุนแรง

    หากผิวหนังของผู้เข้ารับการสักไวต่อหมึกสัก อาจส่งผลทำให้ผิวหนังบริเวณที่กำลังสักเปลี่ยนเป็นสีแดงและมีอาการคัน โดยหมึกสักสีแดงอาจมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้มากที่สุด นอกจากนี้ หมึกสักสีแดงพร้อมและหมึกสักสีน้ำเงิน เมื่อสักลงบนผิวหนังอาจเกิดปฏิกิริยาต่อผิวหนังชนิดไม่ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น ผิวไวต่อแสง (Photosensitivity)

    3. แผลเป็น

    ผิวหนังที่เกิดความเสียหายจากเข็มหรือการจับที่รอยสัก อาจทำให้ร่างกายผลิตเนื้อเยื่อที่ไม่สมบูรณ์เท่ากับเนื้อเยื่อเก่าที่ถูกทำลายไป โดยเนื้อเนื้อเยื่อชนิดนี้เรียกว่า สะคาราบีอิฟอร์ม (Scar Tissue) ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดรอยแผลเป็นแบบถาวร

    ดูแลรักษารอยสัก ทำได้อย่างไร

    การดูแลรักษารอยสักควรปฏิบัติทันทีหลังจากที่สักเสร็จเรียบร้อย โดยวิธีการดูแลรักษารอยสักมีดังนี้

    • หลังจากสักเรียบร้อยแล้ว ช่างสักอาจใช้ครีมปฏิชีวนะทาบาง ๆ ให้ทั่วรอยสัก แล้วปิดบริเวณรอยสักด้วยผ้าพันแผล หรือพลาสติก เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ผิวหนัง ป้องกันรอยสักเสียดสีกับเสื้อผ้าจนทำให้เกิดการระคายเคือง ทั้งยังอาจช่วยดูดซับของเหลวหรือหมึกส่วนเกินที่ไหลออกมาจากรอยสัก โดยควรปิดรอยสักด้วยผ้าพันแผล หรือพลาสติกตามคำแนะนำของช่างสัก
    • หลังจากเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง อาจเอาผ้าพันแผล หรือพลาสติกออกได้
    • ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ จากนั้นจึงค่อย ๆ ล้างรอยสักด้วยน้ำอุ่นและสบู่ที่ปราศจากส่วนผสมของน้ำหอม และซับผิวให้แห้งด้วยผ้านุ่ม ๆ
    • ทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่ปราศจากส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์ลงบนรอยสักเพียงเล็กน้อยโดยไม่ต้องใช้ผ้าพันแผล หรือพลาสติกคลุม
    • ในขณะที่รอยสักเริ่มจะหายดี อาจต้องสวมชุดป้องกันแสงแดดทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก
    • หากรอยสักเกิดการติดเชื้อ ควรรีบเข้าพบคุณหมอทันที

    สำหรับสิ่งที่ไม่ควรทำในระหว่างดูแลรักษารอยสัก อาจมีดังนี้

  • ไม่ควรทาครีมกันแดดที่รอยสักโดยตรงจนกว่าแผลบริเวณรอยสักจะหายสนิท
  • ไม่ควรเกาหรือจับที่รอยสัก เพราะอาจทำให้ผิวหนังบริเวณรอยสักเกิดการอักเสบและติดเชื้อ
  • ไม่ควรสวมเสื้อผ้ารักรูปทับรอยสัก เพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง
  • ไม่ควรว่ายน้ำหรือแช่ตัวในน้ำนาน ๆ เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แต่สามารถอาบน้ำได้
  • หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    Duangkamon Junnet


    เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ · แก้ไขล่าสุด 25/04/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา