backup og meta

คันที่รอยสัก เป็นเพราะอะไร และควรบรรเทาอาการด้วยวิธีไหนดี

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย · แก้ไขล่าสุด 20/12/2023

    คันที่รอยสัก เป็นเพราะอะไร และควรบรรเทาอาการด้วยวิธีไหนดี

    คันที่รอยสัก เป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากสักใหม่ ๆ เนื่องจากผิวหนังสัมผัสโดนเข็ม หมึก เจลหรือครีม ซึ่งใช้ในขั้นตอนการสัก อาจทำให้เกิดการระคายเคืองรวมทั้งอาการได้  เมื่อคันที่รอยสัก ไม่ควรเกาเพราะทั้งด้วยอาจทำให้รอยสักเสียหาย เและยังอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้อีกด้วย ควรหาทางบรรเทาอาการคันที่รอยสักด้วยวิธีอื่น

    อาการคันที่รอยสัก เกิดจากอะไร

    อาการคันที่รอยสัก ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ที่เพิ่งไปรับการสักมาใหม่ ๆ เพราะผิวหนังค่อนข้างอ่อนไหวจากการสัก ทั้งสัมผัสโดนเข็ม หมึก ครีมหรือเจลที่ใช้ในขั้นตอนการสัก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคันได้ในบางจุด

    อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุใดก็ไม่ควรเกา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเพิ่งไปสักมาใหม่ ๆ การเกาที่รอยสักอาจนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงต่อรอยสัก รวมถึงผิวหนังโดยรอบ นอกจาก หลังสักใหม่ ๆ จะรู้สึกคันแล้ว คนที่สักมานานก็อาจรู้สึกคันได้เช่นกัน  ซึ่งอาการคันที่รอยสัก เกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

    ผิวหนังฟื้นตัวจากบาดแผล

    เมื่อเพิ่งไปสักมาใหม่ ผิวหนังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวจากบาดแผล ซึ่งผิวหนังอาจอักเสบและกำลังทำงานเพื่อป้องกันการติดเชื้อและซ่อมแซมตัวเอง ในขณะที่เนื้อเยื่อผิวหนังสมานตัวอาจทำให้มีอาการคันที่รอยสักได้

    การติดเชื้อ

    รอยสักใหม่จะเผยให้เห็นชั้นลึกของหนังกำพร้า และชั้นหนังแท้ของเนื้อเยื่อผิวหนัง หมึกที่ใช้สักรอยสักใหม่ ๆ อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุด ภายใน 2-3 สัปดาห์แรกหลังสัก หากบริเวณรอยสักใหม่เกิดการติดเชื้อ อาจมีอาการคันที่รอยสักร่วมกับอาการบวมแดง และมีเลือดออก การติดเชื้ออย่างรุนแรง อาจทำให้เกิดไข้และหนาวสั่น ซึ่งจำเป็นต้องไปพบคุณหมอ

    ปฏิกิริยาการแพ้เม็ดสีพิกเม้นต์ (Pigment)

    บางคนอาจมีอาการแพ้หมึกที่ใช้ในการสัก เม็ดสีพิกเม้นต์ที่ใช้ในการสักอาจทำจากสีย้อมที่ทำจากวัสดุพลาสติก ตามที่สถาบันผิวหนังของอเมริกา (American Academy Dermatology หรือ AAD) ระบุเอาไว้ว่า อาการแพ้อาจเกิดขึ้นได้ทันทีหรืออาจจะเกิดขึ้นหลังจากสักเสร็จไปแล้วหลายปีก็ได้เช่นกัน ซึ่งการแพ้เม็ดสีพิกเม้นต์เป็นผลทำให้อาจมีอาการคันที่รอยสักอย่างรุนแรง พร้อมกับผื่นแดงและลมพิษ

    การปนเปื้อนในหมึกสัก

    อาการคันที่รอยสักยังอาจเกิดจากหมึกสักมีการปนเปื้อน แม้ว่าบนบรรจุภัณฑ์ของหมึกที่ใช้สักจะมีการระบุเอาไว้ว่า “ปราศจากเชื้อ” ก็ตาม แต่ระหว่างการสัก รวมทั้งการใช้หมึกกับลูกค้าคนอื่น ๆ เมื่อเปิดบรรจุภัณฑ์ก็อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนได้

    สภาพผิวที่มีอยู่ก่อน

    หากสภาพผิวเคยเป็น ผิวหนังอักเสบ หรือโรคสะเก็ดเงิน รวมทั้งสภาพผิวที่บอบบางอ่อนแอ หลังสักมักจะเกิดอาการแพ้ได้ง่าย อาจทำให้เกิดผื่นแดงและคันที่ผิวหนังบริเวณใดบริเวณหนึ่งในร่างกายได้ด้วย ไม่ใช่เฉพาะบริเวณผิวหนังที่มีรอยสักเท่านั้น อาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบผิวหนังหากเกิดอาการคันอย่างรุนแรง

    โรคซาร์คอยด์ (Sarcoidosis)

    โรคซาร์คอยด์ เป็นภาวะที่ร่างกายมีภูมิต้านทานผิดปกติ ส่งผลให้อวัยวะภายใน่ร่างกายเกิดการอักเสบได้ เมื่อร่างกายได้รับการสักลงบนผิวหนัง โรคซาร์คอยด์จะยิ่งทำให้เกิดอาการคันที่รอยสัก รวมทั้งอาจยิ่งทำให้รอยสักเก่าอักเสบขึ้นได้ด้วย

    ปฏิกิริยากับการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging หรือ MRI)

    บางครั้งเมื่อคุณหมอต้องทำการวินิจฉัยโรคบางอย่าง คุณหมออาจจะสั่งให้ทำการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging หรือ MRI) ซึ่งทางองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Food and Drug Administration หรือ FDA) มีรายงานระบุเอาไว้ว่า การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มีผลต่อรอยสักที่สักมานานแล้ว อาการต่าง ๆ อาจรวมถึงอาการคันและบวม มักหายไปเองในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา

    วิธีรักษาอาการ คันที่รอยสัก

    วิธีรักษาอาการคันที่รอยสักให้ถูกต้องและได้ผลมักขึ้นอยู่กับสาเหตุ รอยสักที่เพิ่งสักมาใหม่มีแนวโน้วที่จะเกิดความเสียหายได้ง่าย และเสี่ยงต่อการติดเชื้อเป็นพิเศษ จึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เพื่อไม่ให้หมึกหรือผิวโดยรอบเสียหาย ส่วนรอยสักที่สักมานานแล้ว อาจเกิดความเสียหายได้เช่นกันขึ้นอยู่กับแต่ละสภาพผิวและระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละคน โดยปกติหากมีอาการคันที่รอยสัก สามารถรักษาได้ดังนี้

    ไฮโดรคอร์ติโซนชนิดทาผิวหนัง

    โดยทั่วไปแล้ว รอยสักใหม่นั้นไม่ควรซื้อครีมและขี้ผึ้งมาใช้เอง เพราะอาจรบกวนกระบวนการรักษาตามธรรมชาติของผิว อย่างไรก็ตาม สามารถใช้ไฮโดรคอร์ติโซนชนิดทาผิวหนัง (Topical Hydrocortisone) มาใช้ทารอยสักที่มีอาการคัน รวมถึงรอยสักที่สักมานานแล้วได้

    ประคบเย็น (Cool Compresses)

    การประคบเย็นสามารถบรรเทาอาการคัน ทั้งยังช่วยสามารถลดอาการบวมได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ ควรจะต้องปรึกษาคุณหมอก่อนที่จะใช้วิธีปะระคบเย็นบริเวณรอยสักที่เพิ่งสักมาใหม่ ตามข้อมูลของ The Nemours Foundation รอยสักใหม่อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการรักษาให้สภาพผิวกลับไปเป็นปกติ

    ทำให้บริเวณรอยสักชุ่มชื้น

    หากผิวทั้งคันและแห้ง วิธีแก้ปัญหาอาจจะทำได้ด้วยการทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น สำหรับรอยสักที่สักมานานแล้ว ให้เลือกโลชั่นที่มีส่วนผสมของข้าวโอ๊ตหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดเข้มข้นที่ทำจากโกโก้บัตเตอร์ (Cocoa Butter) หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสีและน้ำหอม เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง และอาจทำให้ อาการคันที่รอยสัก เพิ่มขึ้นโดยไม่ตั้งใจ

    สำหรับรอยสักใหม่อาจปรึกาช่างสักเกี่ยวกับวิธีการรักษาความชุ่มชื้นที่ดีที่สุด ช่างสักบางคนจะแนะนำให้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ หรือส่วนผสมเฉพาะ เพราะอาจมีส่วนผสมที่มันดึงหมึกใหม่ออกมาได้ทำให้รอยสักเสียหาย โดยปกติแล้ว โลชั่นทามือที่ปราศจากน้ำหอมและไม่มีกลิ่นถือว่าดีที่สุด

    ข้าวโอ๊ตสำหรับผสมน้ำอาบ (สำหรับรอยสักที่สักมานานแล้วเท่านั้น)

    การอาบน้ำที่มีข้าวโอ๊ตผสมกับคอลลอยด์ (Colloid) สามารถช่วยบรรเทาอาการคันบริเวณรอบ ๆ รอยสักที่สักมานานแล้วได้ แต่ห้ามใช้วิธีนี้กับรอยสักที่เพิ่งสักมาใหม่ เนื่องจากหลังสักใหม่ ๆ ไม่ควรแช่น้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์

    ยาสำหรับรักษาสภาพผิว

    หากสภาพผิวเดิมกำลังทำให้รอยสักมีอาการคัน คุณหมออาจสั่งจ่ายครีมเฉพาะที่ ซึ่งรวมถึงโรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) โรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย (Rosacea) และโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) หากไดรับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซาร์คอยด์ (Sarcoidosis) อาจจะต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันอาการคัน และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน

    ลบรอยสักออก

    หากหมึกสักเป็นสาเหตุของ อาการคันที่รอยสัก และไม่สามารถลบออกเองได้ อาจจะต้องไปพบคุณหมอผิวหนัง เพื่อทำการลบรอยสักอย่างมืออาชีพ ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับการรักษาด้วยเลเซอร์ หรือการรักษาผิวหนังอื่น ๆ เช่น การขัดผิวหนัง (Dermabrasion) บางครั้งมันอาจเหลือรอยแผลเป็นถาวร นอกจากนั้น การลบรอยสักอาจจะทำได้ยากในบริเวณที่รอยสักมีเม็ดสีเข้ม

    เมื่อไรควรไปพบคุณหมอ

    อาการคันที่รอยสัก อาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ แต่ส่วนใหญ่จะสามารถรักษาได้ แต่จำเป็นที่จะต้องไม่ไปกระตุ้นด้วยการเกา เพราะมันจะทำให้ยิ่งแย่ลง และอาจทำให้รอยสักเสียหายได้ หากสงสัยว่ามีอาการติดเชื้อที่รอยสัก ควรไปพบคุณหมอ อย่ารอช้าถ้ามีไข้ หนาวสั่น และรู้สึกไม่สบาย คุณหมออาจจะสั่งยาปฏิชีวนะ เพื่อช่วยรักษาการติดเชื้อ ในขณะเดียวกันก็จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายการติดเชื้อ นอกจากนั้น การติดเชื้ออาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง ทั้งยังทำให้รอยสักเสียหายได้อีกด้วย

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


    เขียนโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย · แก้ไขล่าสุด 20/12/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา