backup og meta

เลือกเสื้อชั้นใน แบบไหน ถึงจะเหมาะกับหน้าอก

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 19/09/2022

    เลือกเสื้อชั้นใน แบบไหน ถึงจะเหมาะกับหน้าอก

    เสื้อชั้นใน ชุดชั้นใน บราชั้นใน หรือ บรา ไม่ว่าเราจะเรียกแบบไหน ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นไอเท็มสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนจะต้องใช้ เพื่อช่วยพยุงน้ำหนักของหน้าอกหน้าใจของเรา ทั้งยังช่วยให้หน้าอกเข้ารูปสวย กระชับอีกด้วย แต่การเลือกเสื้อชั้นในให้เข้ากับตัวเราอาจจะเป็นเรื่องยาก เพราะสาว ๆ แต่ละคนก็มีรูปร่างสรีระที่แตกต่างกัน ทั้งเสื้อชั้นในประเภทต่าง ๆ ยังมีความสามารถในการรองรับน้ำหนักที่แตกต่างกันอีกด้วย แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาให้คำแนะนำดี ๆ ในการ เลือกเสื้อชั้นใน ให้เหมาะสมหน้าอกของ ทำให้การลงทุนซื้อเสื้อชั้นในครั้งไหนก็ไม่เสียเปล่าแน่นอน  

    อยากจะ เลือกเสื้อชั้นใน ต้องดูอะไรบ้าง

    ขนาด การเลือกเสื้อในที่มีขนาดที่ถูกต้อง เหมาะสมกับไซส์ของหน้าอกของเรานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการใส่เสื้อชั้นในที่ผิดไซส์ อาจจะทำให้รูปร่างของหน้าอกมีลักษณะล้น ไม่สวยงาม ทำให้เรารู้สึกอึดอัด คับแน่น หายใจไม่ออก หรือถ้าหากเลือกซื้อเสื้อชั้นในที่มีขนาดใหญ่เกินไป ก็จะทำให้ไม่สามารถรองรับหน้าอกได้อย่างพอดี และอาจเคลื่อนไปมาได้

    รูปแบบ เสื้อชั้นในนั้นมีรูปแบบต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบบมีโครง แบบไร้สาย แบบดันทรง และเสื้อชั้นในรูปแบบต่างๆ ก็จะเหมาะสมกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป เช่น หากจะออกกำลังกาย ควรเลือกใช้สปอร์ตบรา หรือหากอยากจะใส่เกาะอก ควรเลือกใช้แบบไร้สาย เป็นต้น

    เสื้อชั้นใน มีแบบไหนบ้าง มาดูกัน

    แต่ก่อนเราอาจจะแยกแยะประเภทของเสื้อชั้นในแบบง่าย ๆ ได้ง่ายเป็นแบบมีโครง หรือไม่มีโครง แต่ในปัจจุบัน ประเภทของ เสื้อชั้นใน นั้นมีหลากหลายมากขึ้น แตกต่างกันออกไปตามรูปแบบลักษณะของเสื้อชั้นใน และการใช้งาน ตัวอย่างของเสื้อชั้นในที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มีดังต่อไปนี้

    เสื้อชั้นในครึ่งทรง หรือ ครึ่งเต้า (Demi Bra)

    มีลักษณะขึ้นมาครอบคลุมบริเวณหน้าอกแค่เพียงครึ่งเดียว ทำให้สามารถโชว์เนินอกได้เต็มที่ ถ้าหากเลือกขนาดที่ถูกต้อง จะทำให้สามารถรองรับหน้าอกได้พอดี ไม่ดูล้น เหมาะสำหรับหน้าอกที่ค่อนข้างเล็กและกระชับ

    เสื้อชั้นในเต็มทรง (Full Cup Bra)

    เป็นเสื้อชั้นในที่ครอบคลุมปกปิดหน้าอกทั้งหมด ทำให้สามารถรองรับหน้าอกได้อย่างเต็มที่ มักจะมาพร้อมกับสายบราขนาดใหญ่ ทำให้สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี เสื้อชั้นในแบบนี้เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มีหน้าอกใหญ่ เพราะสามารถรองรับน้ำหนักได้ และทำให้หน้าอกดูไม่ล้น

    เสื้อชั้นในดันทรง (Push-up Bra)

    เสื้อชั้นในดันทรงจะมีฟองน้ำด้านในที่ช่วยดันเสริมหน้าอกขึ้นมา ทำให้หน้าอกดูมีขนาดใหญ่มากขึ้น ทั้งยังช่วยจัดให้หน้าอกทั้งสองข้างชิดกัน ทำให้ดูสวยเป็นทรงมากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วเสื้อชั้นในดันทรงจะปิดเพียงแค่ครึ่งล่าง เพื่อให้ช่วงเนินออกได้โดนเด่นออกมา เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีหน้าอกเล็ก เพราะจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้น

    เสื้อชั้นในไร้สาย (Strapless Bra)

    บราไร้สายเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่อยากจะใส่ชุดเกาะอก เปิดไหล่ โชว์ไหล่สวย ๆ อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องมาคอยระแวงเรื่องสายเสื้อในให้รำคาญใจ เหมาะสำหรับหน้าอกทุกไซส์ แต่การรองรับน้ำหนักของเสื้อชั้นในแบบไร้สายอาจจะด้อยกว่าเสื้อชั้นในแบบอื่น เพราะไม่มีสายมาคอยช่วยรองน้ำหนักของหน้าอก

    สปอร์ตบรา หรือ เสื้อชั้นในกีฬา (Sport Bra)

    แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าบราสำหรับออกกำลังกาย สปอร์ตบรานั้นออกแบบมาเพื่อเก็บเต้านมเพื่อให้แนบชิดติดกับหน้าอก และป้องกันการขยับเขยื้อนของเต้านม ในช่วงที่เราต้องขยับตัวมาก ๆ อย่างในช่วงขณะออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นขณะวิ่ง เดิน หรือโยคะ ทำให้เราไม่รู้สึกเจ็บหน้าอกขณะออกกำลังกาย สปอร์ตบรานั้นจะครอบคลุมส่วนของหน้าอกทั้งหมดอย่างมิดชิด และรองรับน้ำหนักของเต้านมได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะมีหน้าอกขนาดไหนก็ตาม

    เสื้อชั้นในประเภทต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของเสื้อชั้นในทั้งหมด ยังมีบราอีกมากมายหลายรูปแบบ เช่น บราปีกนก บราเสื้อกล้าม หรือแม้แต่บราสำหรับแม่ให้นมลูก การจะเลือก เสื้อชั้นใน ให้เหมาะสม เราต้องคำนึงถึงหลาย ๆ ปัจจัย เช่น ขนาดหน้าอก กิจกรรมที่จะทำ หรือเสื้อผ้าที่เราใส่ เพื่อให้เหมาะสม ดูสวยงาม และสามารถรองรับหน้าอกของเราได้อย่างถูกต้อง

    เสื้อชั้นในแบบมีโครง เพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งเต้านมจริงหรือ?

    หนึ่งในความเชื่อที่เราอาจจะเคยได้ยินกันมาว่า การใส่เสื้อชั้นในแบบมีโครง จะทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มมากขึ้น ความเชื่อนี้เป็นเพียงความเชื่อผิด ๆ ที่ยังไม่มีหลักฐานที่ได้รับการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ มีงานวิจัยที่พยายามหาความเชื่อมโยงระหว่างการใส่ เสื้อชั้นใน และการเกิดมะเร็งเต้านม แต่ก็พบว่าอัตราการเกิดมะเร็งเต้านมในกลุ่มผู้หญิงที่ใส่เสื้อชั้นในกับไม่ใส่เสื้อชั้นในนั้นแทบจะไม่มีความแตกต่างใด ๆ มีเพียงแค่ผู้หญิงที่ไม่ได้ใส่เสื้อชั้นใน มักจะเป็นผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวในเกณฑ์ปกติ จึงทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านมน้อยกว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากแค่นั้นเอง

    วิธีการวัดขนาดหน้าอกที่ถูกต้อง

    การวัดขนาดของบรานั้น จะมีทั้งการวัดขนาด คัพ (ขนาดเต้า) A-B-C และการวัดไซส์ โดยการวัดขนาดหน้าอกที่ถูกต้องเพื่อเลือกเสื้อชั้นใน จะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

    1. เริ่มวัดรอบอก คือวัดขนาดบริเวณรอบหน้าอก โดยนับที่จุดสูงสุดของหน้าอก หรือบริเวณหัวนมทั้งสองข้าง วัดโดยใช้สายวัดพันคาดผ่านบริเวณหัวนมทั้งสอง แล้วอ้อมไปทางด้านหลัง จนมาบรรจบกัน ใช้หน่วยนับเป็น เซนติเมตร
    2. วัดรอบลำตัว โดยเลื่อนสายวัดตัวลงมาวัดบริเวณลำตัว ช่วงใต้ราวนม จะได้ขนาดรอบลำตัวมา
    3. นำ ขนาดรอบอก มาลบกับ ขนาดรอบลำตัว จะได้ขนาดหน้าอกที่ถูกต้อง เช่น หน้าอก 80 เซนติเมตร รอบตัว 70 เซนติเมตร จะได้ 80-70 = 10 เท่ากับขนาดหน้าอก 10 เซนติเมตร
    4. นำมาเปรียบเทียบขนาดคัพและขนาดไซส์ โดยขนาดของคัพจะดูที่ผลต่างของขนาดรอบอกลบกับขนาดรอบตัว ส่วนขนาดของไซส์จะดูแค่ขนาดรอบตัวอย่างเดียว เวลาเลือกชุดชั้นในก็จะใช้ตัวเลขทั้งสองค่า เช่น A70

    ขนาดคัพ

    • A = 9 – 11 ซม.
    • B = 11.5 – 13.5 ซม.
    • C = 14 – 16 ซม.
    • D = 16.5 – 18.5 ซม.
    • E = 19 – 21 ซม.
    • มากกว่า E = 21.5 ขึ้นไป

    ขนาดไซส์

  • 65 = 63 – 67 ซม.
  • 70 = 68 – 72 ซม.
  • 75 = 73 – 77 ซม.
  • 80 = 78 – 82 ซม.
  • 85 = 83 – 87 ซม.
  • 90 = 88 – 92 ซม.
  • 95 = 93 – 97 ซม.
  • 100 = 98 – 102 ซม.
  • 105 = 103 – 107 ซม.
  • หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 19/09/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา