backup og meta

เกลือ หรือ น้ำตาล อะไรแย่กว่ากัน สำหรับโรคความดันโลหิตสูง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 28/05/2021

    เกลือ หรือ น้ำตาล อะไรแย่กว่ากัน สำหรับโรคความดันโลหิตสูง

    ทั้งเกลือและน้ำตาล ต่างได้ชื่อว่าสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ แต่ เกลือ หรือ น้ำตาล กันแน่ล่ะ ที่เป็น “ผู้ร้าย’ ที่แท้จริง และควรพึงระวัง ปัจจุบันเชื่อว่า น้ำตาลอาจมีผลเสียมากกว่าเกลือ จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Open Heart น้ำตาลเป็นภัยเงียบต่อความดันโลหิต แต่ขณะเดียวกันเกลือก็ยังคงส่งผลเสียต่อสุขภาพไม่แพ้การรับประทานน้ำตาลน้ำตาล วันนี้ Hello คุณหมอ จึงขอนำข้อเท็จจริงดังกล่าวระหว่างเกลือ และน้ำตาล ว่าสารปรุงแต่งใดที่คุณควรหลีกเลี่ยงมาฝากกันค่ะ

    การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

    เราทุกคนทราบว่า การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการเผาผลาญของร่างกาย มีหลักฐานมากพอที่จะระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไป และความผิดปกติเกี่ยวกับการเผาผลาญของร่างกายหลายประการ เช่น ภาวะดื้ออินซูลิน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน คอเลสเตอรอลสูง รวมถึงไขมันในเลือดสูง

    การบริโภคน้ำตาลทำให้ระดับอินซูลินเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้เกิดการทำงานของระบบประสาทซิมพาเธติก (sympathetic nervous system) เมื่อร่างกายมีการตอบสนองภาวะดังกล่าว จะเข้าไปกระตุ้นการเต้นของหัวใจ และความดันโลหิต ทำให้หน่วยรับความรู้สึกที่ทำหน้าที่ควบคุมความดันโลหิต ก็มีประสิทธิภาพมีลดลงเรื่อย ๆ จนเสี่ยงเกิดหลอดเลือดตีบตัน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความดันภายในหลอดเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

    เกลือ หรือ น้ำตาล ที่ส่งผลต่อโรคความดันโลหิตสูง

    การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง แม้เป็นเวลาเพียงสองสัปดาห์ อาจส่งผลที่เห็นได้ชัดเจนต่อความดันโลหิตของคุณ มีการศึกษาว่า อาหารที่มีน้ำตาลสูง จะเพิ่มความดันโลหิตได้มากกว่าอาหารที่มีโซเดียมสูง (7mmHg/5mmHg เปรียบเทียบกับ 4mmHg/2mmHg) ในการศึกษาอื่น ๆ ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่มีน้ำตาลปริมาณเพียง 24 ออนซ์ สามารถส่งผลให้ระดับความดันโลหิตสูงอย่างรวดเร็ว และอาจมีอาการบางอย่างเกี่ยวข้องกับภาวะของหัวใจ (cardiac markers) ในหลายชั่วโมงถัดมา

    ในบางครั้งการรับประทานเกลือ หรือโซเดียมก็อาจมีส่วนช่วยให้คุณลดระดับความดันโลหิตได้หากคุณจำกัดในปริมาณที่พอดี แต่หากสำหรับผู้ที่รับประทานหรือใช้เกลือปรุงอาหารปริมาณที่มากเกินไปก็อาจส่งผลให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ของอวัยวะเกิดความกดดัน จนทำให้หลอดเลือดแข็งซึ่งนำไปสู่ความดันโลหิตสูง หัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง จนนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวได้

    นักวิจัยชี้ว่าการบริโภคน้ำตาลที่น้อยลง มีผลดีต่อสุขภาพมากกว่า หรืออาจจำเป็นต้องลดทั้งเหลือ และน้ำตาล เพื่อให้เกิดความสมดุลให้ไตทำงานได้ตามปกติ โดยสรุปแล้ว หากคุณอยากมีสุขภาพที่ดี การไม่บริโภคเกลือหรือน้ำตาลในปริมาณสูง เป็นสิ่งที่ควรนำไปปรับเปลี่ยนไลฟสไตล์ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการปรุงรสชาติอาหารที่คุณทำในแต่ละวันซึ่งคุณควรลดปริมาณเหลือ และน้ำตาลให้เหมาะสม รวมไปถึงการเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปทั่วไปที่สามารถตรวจสอบระดับเกลือ และน้ำตาลได้จากข้างฉลากผลิตภัณฑ์ ซึ่งปริมาณเกลือที่ควรได้รับนั้นมักอยู่ที่ 140 มิลลิกรัม ต่อ 1 มื้ออาหาร ส่วนน้ำตาลสำหรับผู้หญิงควรจำกัดอยู่ที่ 6 ช้อนชา และผู้ชาย 9 ช้อนชา

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 28/05/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา