ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
การทดสอบกดการทำงานของโคลนิดีน (Clonidine Suppression Test) เป็นการทดสอบประเภทหนึ่ง เพื่อทดลองและคัดแยกการวินิจฉัยเนื้องอกต่อมหมวกไตชนิดฟีโอโครโมไซโตมา (phaeochromocytoma) ในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง และมีความเปลี่ยนแปลงก้ำกึ่งในเมตาโบไลท์พลาสมาแคทีโคลามีน (plasma catecholamines metabolites) หรือยูรินารีแคททีโคลามีน (urinary catecholamine metabolites)
ยาโคลนิดีน (Clonidine) เป็นยาที่ใช้เพื่อรักษาภาวะความดันโลหิตสูง ทำงานที่สมองโดยลดการทำงานของระบบประสาท (sympathetic tone) ซึ่งเป็นความรุนแรงของสัญญาณระบบประสาทไปยังต่อมหมวกไตส่วนใน (Adrenal medulla)
เหตุผลในการทดสอบกดการทำงานของโคลนิดีน มีดังนี้
ไม่ควรพิจารณาการทดสอบกดการทำงานของโคลนิดีนเป็นมาตรฐานสูงสุดสำหรับการวินิจฉัยโรค การทดสอบนี้เป็นแค่วิธีหนึ่งที่ช่วยวินิจฉัยโรคเนื้องอกต่อมหมวกไตชนิดฟีโอโครโมไซโตมาเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ผลของการทดสอบนี้อาจสร้างความสับสนได้เช่นกัน ค่าของแคทีโคลามีนและเมทาเนฟรีนอาจมุ่งไปคนละทาง และผลบางอย่างอาจเพิ่มมากขึ้นหลังจากใช้โคลนิดีน การทดสอบนี้ไม่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยส่วนใหญ่ แม้แต่ผู้ป่วยที่ควรจะได้รับประโยชน์จากการทดสอบนี้มากที่สุด
สิ่งที่ควรเตรียมตัวก่อนการทดสอบมีดังนี้
ผู้ทำการทดสอบต้องอยู่ในท่านอนหงายตลอดการทดสอบ และแพทย์จำเป็นต้องสุ่มตัวอย่างเลือดและให้น้ำเกลือผ่านทางหลอดเลือดดำ ขั้นตอนการทดสอบ มีดังนี้
อาจเกิดปัญหาเล็กน้อยจากการเก็บตัวอย่างเลือดไปจากหลอดเลือดดำ
อย่างแรก คือ อาจมีรอยช้ำตรงบริเวณที่ทำการเก็บตัวอย่างเลือด แต่คุณสามารถลดโอกาสเกิดรอยช้ำได้ ด้วยการกดบริเวณนั้นเป็นเวลานานหลายนาที
ในกรณีหายาก หลอดเลือดดำอาจบวมขึ้นหลังจากเก็บตัวอย่างเลือด เรียกว่าหลอดเลือดดำอักเสบ (Phlebitis) ซึ่งสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการประคบร้อนวันละหลายๆ ครั้ง
นอกจากนี้ อาการเลือดออกอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลือดออกได้ ยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน ยาวาร์ฟาริน และยาเจือจางเลือดอื่นๆ อาจทำให้มีอาการเลือดออกมากขึ้น หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับเลือดออกหรือลิ่มเลือด หรือหากคุณกำลังใช้ยาเจือจางเลือด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ ก่อนทำการเก็บตัวอย่างเลือด
หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับการทดสอบกดการทำงานของโคลนิดีน โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจข้อควรปฏิบัติได้ดีขึ้น
ผลการตรวจสอบจะเป็นปกติถ้าหาก
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของพลาสมาเอพิเนฟรีนและเมทาเนฟรีนนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ จึงไม่ใช้การทดสอบนี้ในการวินิจฉัยโรคเนื้องอกต่อมหมวกไตชนิดฟีโอโครโมไซโตมา
ข้อโต้แย้งก่อนหน้า มีหลักอยู่ที่คำจำกัดความที่หลากหลายของผลตรวจที่เป็นบวก ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้เป็นโรคเนื้องอกต่อมหมวกไตชนิดฟีโอโครโมไซโตมา และมีค่านอร์อิพิเนฟรินเริ่มต้นในระดับปกติ หรือใกล้เคียงกับปกติ อาจสามารถกดไว้ที่ 50% (ผลบวกเป็นเท็จ)
ในทางกลับกัน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเนื้องอกต่อมหมวกไตชนิดฟีโอโครโมไซโตมา และมีค่านอร์อิพิเนฟรินเริ่มต้น ในระดับใกล้เคียงกับปกติ อาจสามารถกดไว้ที่ช่วงปกติ (ผลลบเป็นเท็จ) ประเด็นนี้ดูเหมือนจะสามารถแก้ไข้ได้ด้วยการใช้นอร์เมทาเนฟรีน และการคัดแยกการทดสอบในผู้ป่วยที่มีค่าเมทาเนฟรีนที่ปราศจากพลาสมาในระดับปกติ
หากมีคำถามใดๆ เกี่ยวกับการตรวจคาร์บอนมอนอกไซด์ในเลือด โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจคำแนะนำของแพทย์ได้ดีขึ้น
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย