2. วัคซีนบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน (Tetanus Diphtheria and Acellular Pertussis หรือ Tdap)
การฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน เป็นการฉีดวัคซีนเพื่อเข้าไปกระตุ้นภูมิต้านทานที่ทำหน้าป้องกันบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน โดยวัยรุ่นอาจได้รับวัคซีนครั้งแรกอายุประมาณ 11-12 ปี จากนั้นจะได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยัก และคอตีบ (Td boosters) ทุก 10 ปี
สำหรับผู้หญิงควรได้รับวัคซีนทุกครั้งที่ตั้งครรภ์ เนื่องจาก ทารกในครรภ์มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคไอกรน นอกจากนี้ ทารกอาจได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน (DTaP) เป็นครั้งแรกเมื่ออายุ 2 เดือน
3. วัคซีนฮีโมฟีลุส อินฟลูเอนเซ ชนิดบี (Haemophilus influenzae type b หรือ Hib Vaccine)
วัคซีนฮีโมฟีลุส อินฟลูเอนเซ ชนิดบี สามารถฉีดเพียงตัวเดียว หรือจะฉีดร่วมกัยวัคซีนชนิดอื่น ๆ ก็ได้ โดยวัคซีนชนิดนี้อาจช่วยป้องกันแบคทีเรียที่เรียกว่า ฮีโมฟีลุส อินฟลูเอนเซ ชนิดบี (Haemophilus influenzae type b) สามารถแพร่กระจสยได้ทางอากาศ ส่งผลทำให้เกิดโรคปอดบวม (Pneumonia) เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) ฝาปิดกล่องเสียงอักเสบ (Epiglottitis) รวมถึงการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนอื่น ๆ
โดยเด็กควรได้รับวัคซีนฮีโมฟีลุส อินฟลูเอนเซ ชนิดบี 3 ครั้ง คือ 2 เดือน 4 เดือนและ 6 เดือน รวมทั้งควรฉีดเข็มกระตุ้นเมื่ออายุประมาณ 12-18 เดือน
4. วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดฉีด (Inactivated Poliomyelitis Vaccine หรือ IPV)
ผู้ติดเชื้อโปลิโอส่วนใหญ่มักไม่มีอาการใด ๆ แต่มีจำนวนน้อยกว่า 2% เท่านั้นที่อาจมีอาการโปลิโออักเสบ หรือการติดเชื้อของระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งอาจนำมาไปสู่การเป็นอัมพาตถาวร ดังนั้น เด็กทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งปัจจุบันการฉีดวัคซีนโปลิโอแบบฉีดอาจใช้แทนชนิดกินได้ นอกจากนี้ ยังรวมอยู่กับวัคซีนป้องกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย