ร่างกายอาจดูดซึมคาเฟอีนจากชาเขียวมัทฉะต่างจากกาแฟ โดยคาเฟอีนจากกาแฟจะกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้ออกซิเจนแล่นขึ้นไปเลี้ยงสมองและเนื้อเยื่อต่าง ๆ มากขึ้น ส่งผลให้รู้สึกตื่นตัวและกระฉับกระเฉง แต่พอคาเฟอีนจากกาแฟหมดฤทธิ์ก็จะทำให้รู้สึกสะลึมสะลือขึ้นมาอีกครั้ง ไม่เหมือนกับความกระฉับกระเฉงที่ได้จากชาเขียวมัทฉะ เนื่องจาก ชาชนิดนี้มีกรดอะมิโนที่เรียกว่า แอล-ธีอะนีน (L-theanine) ที่ช่วยลดอาการหวาดวิตก และช่วยลดความดันโลหิตได้ ทั้งยังทำให้รู้สึกมีสมาธิในการทำอะไรต่อไปได้นานขึ้น ชาเขียวมัทฉะจึงเป็นชาที่ทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้จิตใจสงบและมีสมาธิด้วย
3. มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก
ชาเขียวมัทฉะอุดมไปด้วยสาร EGCG (Epigallocatechin Gallate) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง ผลการศึกษาวิจัยพบว่า สารชนิดนี้ในชาเขียวอาจช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย จึงมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ทั้งยังมีงานศึกษาวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ระบุว่า สารต้านอนุมูลอิสระ EGCG นี้ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันในขณะออกกำลังกายได้ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ เครื่องดื่มชาเขียวมัทฉ มีรสชาติเข้มข้นอยู่แล้ว จึงสามารถดื่มได้โดยไม่ต้องเติมน้ำตาลหรือครีมใด ๆ ลงไป ทำให้เป็นเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่ต่ำ นับเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนักเป็นอย่างยิ่ง
4. ช่วยล้างพิษในร่างกาย
ชาเขียวมัทฉะนอกจากจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังอุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ซึ่งเป็นสารที่ดูดกลืนแสงซึ่งมีส่วนช่วยในการสังเคราะห์แสงของพืช และทำให้พืชมีสีเขียวแล้ว ยังอาจช่วยล้างพิษในร่างกายได้ด้วย ว่ากันว่าโครงสร้างของคลอโรฟิลล์นั้น มีส่วนคล้ายคลึงกับสารประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดงที่เรียกว่า ฮีม (Heme) งานศึกษาวิจัยสรุปออกมาแล้วว่า เมื่อร่างกายได้รับคลอโรฟิลล์เข้าไป คลอโรฟิลล์บางส่วนจะถูกเปลี่ยนไปเป็นฮีม (Heme) ทำให้ร่างกายมีปริมาณเม็ดเลือดแดงใหม่เพิ่มมากขึ้น แถมในคลอโรฟิลล์ยังมีแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย