ทั้งนี้ วิตามินซีเป็นเพียงองค์ประกอบในการป้องกันโรคเท่านั้น ไม่มีผลชัดเจนเรื่องรักษาหรือเป็นยาหลักในการรักษาแต่อย่างใด มีงานวิจัยบางชิ้นที่ระบุว่าวิตามินซีช่วยรักษาหรือป้องกันการลุกลามมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจรวมถึงความดันโลหิตสูงได้ แต่ต้องใช้โดส (Dose) สูงมาก ๆ รวมถึงผลการรักษาก็ไม่ได้เป็นที่ประจักษ์จึงไม่นิยมใช้
วิตามินซีแบบฉีดจะลดประสิทธิภาพยาฆ่าเชื้อ ได้แก่ อิริโทรมัยซิน คานามัยซิน สเตร็ปโตมัยซิน ด็อกซีซัยคลิน และลินโคมัยซิน รวมถึงยาต้านการแข็งตัวของเลือดชื่อวาร์ฟาริน
รูปแบบวิตามินซีที่สามารถกินได้
- ผักผลไม้ พริกหวานแดงบรอคโคลี่ รวมทั้งผักและผลไม้แทบทุกชนิด ไม่ได้มีแต่ผักผลไม้รสเปรี้ยว
- รูปแบบเม็ด เม็ดอม เม็ดฟู่ เคี้ยวก่อนกลืน ระวังการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
- น้ำกรด สารละลายแบบฉีด ยกตัวอย่าง องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาได้รับรองวิตามินซีในรูปแบบฉีดล่าสุดเมื่อปี 2559 วางจำหน่ายในปี 2560 ในขนาด 25,000 มก.ในขนาดบรรจุ 50 มลหรือ 500 มก.ใน 1 มล. โดยมีข้อบ่งชี้ในการรักษาโรคลักปิดลักเปิด โดยขนาดของวิตามินซีที่ฉีดต้องคำนวณตามอายุ และแนะนำให้ละลายกับน้ำเกลือใดๆ ก่อนฉีดลดโอกาสอาการปวด บวมที่เส้นเลือดขณะฉีด ทั้งปวงไม่ควรฉีดเกิน 1 สัปดาห์ เท่านั้น
บุคคลที่ไม่สมควรได้รับวิตามินซีฉีดเสริม
- คนปกติ หากไม่มีความจำเป็นหรือได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์
- G6PD Deficiency หรือผู้ที่มีภาวะขาดเอ็นไซม์จีซิกพีดี ควรตรวจก่อนฉีดขนาดสูงทุกคน
- ผู้ที่เป็นนิ่วระบบทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากวิตามินซีปริมาณ หากได้รับติดต่อกันนาน ๆ โอกาสนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะจะสูงขึ้นได้ ในทางเวชปฏิบัตินั้นไม่ได้พบบ่อย และราชวิทยาลัยศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ ก็ไม่ได้ขึ้นวิตามินซีเป็นอาหารหรืออาหารเสริมพึงระวัง ในคนไข้นิ่วแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย