backup og meta

มันเทศ ประโยชน์ต่อสุขภาพ และข้อควรระวัง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 21/12/2021

    มันเทศ ประโยชน์ต่อสุขภาพ และข้อควรระวัง

    มันเทศ เป็นพืชตระกูลหัวที่มีหลากสี ทั้งสีขาว สีเหลือง สีส้ม และสีม่วง มีรสสัมผัสที่หวาน นุ่ม นำมาปรุงได้ทั้งเมนูคาวและหวาน มันเทศเป็นพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะสารเบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพดวงตา นอกจากนี้ มันเทศยังมีไขมันต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอาการแพ้มันเทศ หรือผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นนิ่วในไต ควรระมัดระวังการรับประทานมันเทศ เนื่องจากอาจทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

    คุณค่าทางโภชนาการของมันเทศ

    มันเทศอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด โดยเฉพาะสารอาหารจำพวกไฟเบอร์และวิตามิน ในมันเทศมีวิตามินมากมาย ได้แก่

    มากไปกว่านั้น มันเทศยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังต่อไปนี้

    • โพแทสเซียม
    • แมงกานีส
    • ทองแดง
    • ไนอาซิน (Niacin)
    • สารต้านอนุมูลอิสระ

    มากไปกว่านั้น มันเทศยังเป็นพืชที่มีไขมันน้อยถึงน้อยมาก โดย มันเทศดิบ 100 กรัม จะมีปริมาณไขมันอยู่แค่เพียง 0.1 กรัมเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก ๆ เหมาะเป็นอาหารสำหรับผู้ที่ต้องการลดหรืองดไขมันเป็นอย่างยิ่ง

    ประโยชน์ของมันเทศ

    บำรุงสายตา

    มันเทศมีสารเบตาแคโรทีน ซึ่งเป็นกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว สารเบตาแคโรทีนจะแปรเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงสายตา กระตุ้นการทำงานของตัวรับแสงในดวงตา และยังมีแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่ช่วยลดความเสียหายของเซลล์ที่ดวงตาอีกด้วย

    ต้านมะเร็ง

    มันเทศอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารที่มีสารแคโรทีนอยด์ มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้ หรือถ้าหากเป็นมันเทศสีม่วงจะมีแอนโทไซยานิน ที่มีส่วนลดโอกาสในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือมะเร็งทวารหนัก

    ดีต่อลำไส้

    มันเทศมีไฟเบอร์ 2 ชนิด ได้แก่ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ และไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำไม่ได้ โดยไฟเบอร์แบบละลายน้ำได้จะเข้าไปดูดซับน้ำในระบบทางเดินอาหารและทำให้อุจจาระนิ่มลง ป้องกันอาการท้องผูก และเมื่อไฟเบอร์ทั้ง 2 ชนิดมีการคลุกเคล้ากับกลุ่มแบคทีเรียชั้นดีในลำไส้ ก็จะไปกระตุ้นให้เกิดการผลิตสารประกอบชนิดกรดไขมันสายสั้นเพื่อเป็นพลังงานในลำไส้ ทำให้ลำไส้แข็งแรง ย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น 

    ลดความเสี่ยงของภาวะขาดวิตามินเอ

    วิตามินเอ เป็นวิตามินสำคัญที่มีส่วนช่วยบำรุงให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ต้านการอักเสบของเซลล์ ทั้งยังช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย ผู้ที่มีความเสี่ยงของภาวะขาดวิตามินเอ ควรอย่างยิ่งที่จะรับประทานมันเทศ เนื่องจากเป็นพืชที่ให้วิตามินเอสูง เพราะการรับประทานมันเทศต้มหรืออบเพียง 100-200 กรัม ร่างกายจะได้รับปริมาณของวิตามินเอระหว่าง 400-769 เปอร์เซ็นต์ต่อปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ซึ่งมากพอที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงของการขาดวิตามินเอได้

    ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

    แม้ว่ามันเทศอาจจะเป็นอาหารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต แต่ก็เป็นอาหารที่ให้ไฟเบอร์สูง ซึ่งปริมาณไฟเบอร์ที่สูงนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำให้การเผาผลาญแป้งได้ช้าลง เมื่อคาร์โบไฮเดรตเผาผลาญได้ช้าลง ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดก็จะลดลงไปด้วย การกินมันเทศจึงมีส่วนช่วยป้องกันความเสี่ยงของระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้

    ลดความดันโลหิต

    มันเทศเป็นอีกหนึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารโพแทสเซียม มันเทศอบแค่เพียงหนึ่งถ้วย ให้สารโพแทสเซียมมากถึง 950 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าสารโพแทสเซียมในกล้วยถึงสองเท่า สารโพแทสเซียมนี้จะช่วยเข้าไปช่วยขยายหลอดเลือด และกำจัดเอาโซเดียมกับของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง

    ข้อควรระวังในการกินมันเทศ

    โดยทั่วไปแล้ว มันเทศถือว่าเป็นพืชที่มีความปลอดภัย สามารถรับประทานได้โดยไม่มีอันตราย แต่ผู้ที่มีอาการแพ้มันเทศ ซึ่งถึงแม้จะพบได้น้อย แต่ก็ควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแพ้กำเริบ มากไปกว่านั้น มันเทศยังมีสารออกซาเลต (oxalate) ที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นนิ่วในไต ผู้ที่เป็นโรคนิ่วในไต หรือมีความเสี่ยงจะเป็นนิ่วในไต ควรระมัดระวังและรับประทานมันเทศในปริมาณที่เหมาะสม

    มันเทศเป็นพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย แต่สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมก็คือ กรรมวิธีในการปรุงมันเทศที่แตกต่างกัน ก็อาจจะให้คุณประโยชน์ที่ต่างกัน หากปรุงมันเทศกับเครื่องปรุงรสก็อาจจะเสี่ยงที่มันเทศจะมีโซเดียมและน้ำตาลในปริมาณสูงได้ วิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วนควรปรุงมันเทศคือการต้มแบบธรรมดา หรือจะเป็นการอบก็ได้เช่นกัน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 21/12/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา