คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อราที่รุนแรงบางชนิดภายในร่างกาย ยา คีโตโคนาโซล จัดอยู่ในกลุ่มของยาที่เรียกว่า ยาต้านเชื้อราเอโซล (azole antifungals) คีโตโคนาโซล ทำงานโดยการยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อราที่รุนแรงบางชนิดภายในร่างกาย ยา คีโตโคนาโซล จัดอยู่ในกลุ่มของยาที่เรียกว่า ยาต้านเชื้อราเอโซล (azole antifungals) คีโตโคนาโซล ทำงานโดยการยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา
ยา คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อราที่รุนแรงบางชนิดภายในร่างกาย ยา คีโตโคนาโซล จัดอยู่ในกลุ่มของยาที่เรียกว่า ยาต้านเชื้อราเอโซล (azole antifungals) คีโตโคนาโซล ทำงานโดยการยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา
การใช้งานในด้านอื่น
การนำยาคีโตโคนาโซลมาใช้งานด้านอื่น นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในฉลากยา ต้องได้รับการสั่งยาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น หากแพทย์สั่งหานี้ใช้คุณ ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างระมัดระวัง
สภาวะทางการแพทย์ที่อาจต้องใช้ยาคีโตโคนาโซลในการรักษา เช่น โรคมะเร็งต่อมลูกหมากขั้นรุนแรง
ใช้ยาคีโตโคนาโซลตามที่แพทย์กำหนด ตามปกติ คือ วันละครั้ง
โดยสามารถรับประทานยานี้พร้อมกับอาหารหรือแยกต่างหากก็ได้ แต่หากรับประทานพร้อมกับอาหารจะช่วยลดอาการท้องไส้ปั่นป่วนได้
หากคุณกำลังใช้ยาลดกรด ควรรับประทานยาลดกรดก่อนยาคีโตโคนาโซล 1 ชั่วโมง หรือหลังยาคีโตโคนาโซล 2 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นยาคีโตโคนาโซลอาจไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย (อ่านเพิ่มเติมในส่วนของปฏิกิริยาของยา)
ขนาดยาและระยะเวลาในการรักษา ขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา หากเป็นเด็ก ขนาดยายังขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวด้วย การรักษาด้วยยาคีโตโคนาโซลอาจต้องใช้เวลานานหลายวันจนถึงหลายสัปดาห์กว่าที่จะรักษาอย่างเสร็จสมบูรณ์
ยาคีโตโคนาโซลจะทำงานได้ดีที่สุด หากมีปริมาณของยาภายในร่างกายอยู่ในระดับคงที่ ดังนั้น จึงควรรับประทานยาคีโตโคนาโซลโดยเว้นระยะห่างที่เท่ากัน และเพื่อให้จำง่ายขึ้น ควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
ควรใช้ยาคีโตโคนาโซลอย่างต่อเนื่องจนครบกำหนดแม้ว่าอาการจะหายไปหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน การหยุดใช้ยาเร็วเกินไปอาจทำให้กลับมาติดเชื้ออีกครั้ง
แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการของคุณไม่หายไปหรือแย่ลง
ยาคีโตโคนาโซลควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาคีโตโคนาโซลบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งยาคีโตโคนาโซลลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร
ก่อนใช้ยาคีโตโคนาโซล แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีอาการแพ้ต่อยาคีโตโคนาโซล ยาอื่นๆ หรือส่วนประกอบในยาคีโตโคนาโซล โดยคุณสามารถศึกษารายชื่อของส่วนประกอบยาได้จากคู่มือการใช้ยา หรือสอบถามจากเภสัชกร
แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณกำลังใช้ยาต่อไปนี้
แจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณกำลังใช้หรือมีแผนจะใช้ ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง วิตามิน อาหารเสริม และสมุนไพรต่างๆ ยาอื่นๆอีกมากมายนั้นอาจมีปฏิกิริยากับยาคีโตโคนาโซลได้ ดังนั้นจึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบยาทั้งหมด ที่คุณกำลังใช้แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในรายชื่อก็ตาม
หากคุณกำลังใช้ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบของอะลูมิเนียม แคลเซียม หรือแมกนีเซียม เช่น มาล็อกซ์ (Maalox) ไมลันทา (Mylanta) ทัมส์ (Tums) ควรรับประทานยาลดกรด 1 ชั่วโมงก่อนรับประทานยาคีโตโคนาโซล หรือ 2 ชั่วโมงหลังรับประทานยาคีโตโคนาโซล
แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณกำลังเป็น หรือเคยเป็นโรคใดๆ
แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณตั้งครรภ์ วางแผนตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร หากคุณตั้งครรภ์ขณะใช้ยาคีโตโคนาโซลควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
หากคุณกำลังจะเข้ารับการผ่าตัด รวมถึงการผ่าตัดทำฟัน แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่าคุณกำลังใช้ยาคีโตโคนาโซล
คุณควรทราบว่า การใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (รวมทั้งไวน์ เบียร์ และยาที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์อย่างยาน้ำเชื่อมแก้ไอ) ขณะกำลังใช้ยาคีโตโคนาโซลนั้นอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายที่ตับ และทำให้ให้เกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ เช่น หน้าแดง ผดผื่น คลื่นไส้ ปวดศีรษะ และมีอาการบวมที่มือ ที่ข้อเท้า หรือบริเวณขาช่วงล่าง
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา
ยาคีโตโคนาโซลจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา มีดังนี้
เข้ารับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันทีหากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้
ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่ามีดังนี้
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยาคีโตโคนาโซล อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาคีโตโคนาโซล อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาคีโตโคนาโซลอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคบลาสโตไมโคสิส (Blastomycosis)
ขนาดยาเริ่มต้น : 200 มก. รับประทานวันละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคโครโมไมโคซีส (Chromomycosis)
ขนาดยาเริ่มต้น : 200 มก. รับประทานวันละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคค็อกสิดิออยโดไมโคสิส (Coccidioidomycosis)
ขนาดยาเริ่มต้น : 200 มก. รับประทานวันละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคฮีสโตพลาสโมสิส (Histoplasmosis)
ขนาดยาเริ่มต้น : 200 มก. รับประทานวันละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคพาราค็อกสิดิออยโดไมโคสิส (Paracoccidioidomycosis)
ขนาดยาเริ่มต้น : 200 มก. รับประทานวันละครั้ง
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคบลาสโตไมโคสิส (Blastomycosis)
อายุ 2 ปีขึ้นไป : 3.3 ถึง 6.6 มก./กก. รับประทานวันละครั้ง
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคโครโมไมโคซีส (Chromomycosis)
อายุ 2 ปีขึ้นไป : 3.3 ถึง 6.6 มก./กก. รับประทานวันละครั้ง
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคค็อกสิดิออยโดไมโคสิส (Coccidioidomycosis)
อายุ 2 ปีขึ้นไป : 3.3 ถึง 6.6 มก./กก. รับประทานวันละครั้ง
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคฮีสโตพลาสโมสิส (Histoplasmosis)
อายุ 2 ปีขึ้นไป : 3.3 ถึง 6.6 มก./กก. รับประทานวันละครั้ง
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคพาราค็อกสิดิออยโดไมโคสิส (Paracoccidioidomycosis)
อายุ 2 ปีขึ้นไป : 3.3 ถึง 6.6 มก./กก. รับประทานวันละครั้ง
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย