backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

คีโตโคนาโซล (Ketoconazole)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 09/11/2022

คีโตโคนาโซล (Ketoconazole)

คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อราที่รุนแรงบางชนิดภายในร่างกาย ยา คีโตโคนาโซล จัดอยู่ในกลุ่มของยาที่เรียกว่า ยาต้านเชื้อราเอโซล (azole antifungals) คีโตโคนาโซล ทำงานโดยการยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา

ข้อบ่งใช้

ยา คีโตโคนาโซล ใช้สำหรับ

ยา คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อราที่รุนแรงบางชนิดภายในร่างกาย ยา คีโตโคนาโซล จัดอยู่ในกลุ่มของยาที่เรียกว่า ยาต้านเชื้อราเอโซล (azole antifungals) คีโตโคนาโซล ทำงานโดยการยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา

การใช้งานในด้านอื่น

การนำยาคีโตโคนาโซลมาใช้งานด้านอื่น นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในฉลากยา ต้องได้รับการสั่งยาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น หากแพทย์สั่งหานี้ใช้คุณ ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างระมัดระวัง

สภาวะทางการแพทย์ที่อาจต้องใช้ยาคีโตโคนาโซลในการรักษา เช่น โรคมะเร็งต่อมลูกหมากขั้นรุนแรง

วิธีใช้ยาคีโตโคนาโซล

ใช้ยาคีโตโคนาโซลตามที่แพทย์กำหนด ตามปกติ คือ วันละครั้ง

โดยสามารถรับประทานยานี้พร้อมกับอาหารหรือแยกต่างหากก็ได้ แต่หากรับประทานพร้อมกับอาหารจะช่วยลดอาการท้องไส้ปั่นป่วนได้

หากคุณกำลังใช้ยาลดกรด ควรรับประทานยาลดกรดก่อนยาคีโตโคนาโซล 1 ชั่วโมง หรือหลังยาคีโตโคนาโซล 2 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นยาคีโตโคนาโซลอาจไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย (อ่านเพิ่มเติมในส่วนของปฏิกิริยาของยา)

ขนาดยาและระยะเวลาในการรักษา ขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา หากเป็นเด็ก ขนาดยายังขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวด้วย การรักษาด้วยยาคีโตโคนาโซลอาจต้องใช้เวลานานหลายวันจนถึงหลายสัปดาห์กว่าที่จะรักษาอย่างเสร็จสมบูรณ์

ยาคีโตโคนาโซลจะทำงานได้ดีที่สุด หากมีปริมาณของยาภายในร่างกายอยู่ในระดับคงที่ ดังนั้น จึงควรรับประทานยาคีโตโคนาโซลโดยเว้นระยะห่างที่เท่ากัน และเพื่อให้จำง่ายขึ้น ควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน

ควรใช้ยาคีโตโคนาโซลอย่างต่อเนื่องจนครบกำหนดแม้ว่าอาการจะหายไปหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน การหยุดใช้ยาเร็วเกินไปอาจทำให้กลับมาติดเชื้ออีกครั้ง

แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการของคุณไม่หายไปหรือแย่ลง

การเก็บรักษายาคีโตโคนาโซล

ยาคีโตโคนาโซลควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาคีโตโคนาโซลบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย

ไม่ควรทิ้งยาคีโตโคนาโซลลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาคีโตโคนาโซล

ก่อนใช้ยาคีโตโคนาโซล แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีอาการแพ้ต่อยาคีโตโคนาโซล ยาอื่นๆ หรือส่วนประกอบในยาคีโตโคนาโซล โดยคุณสามารถศึกษารายชื่อของส่วนประกอบยาได้จากคู่มือการใช้ยา หรือสอบถามจากเภสัชกร

แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณกำลังใช้ยาต่อไปนี้

  • อัลปราโซแลม (alprazolam) เช่น ไนราแวม (Niravam) ซาแนกซ์ (Xanax)
  • ยาอีพลีรีโนน (eplerenone) เช่น อินพรา (Inspra)
  • ยาเออร์กอตอัลคาลอยด์ (ergot alkaloids) เช่น ยาเออร์โกตามีน (ergotamine) อย่างเออร์โกมาร์ (Ergomar) ในเคเฟอร์กอตหรือในไมเกอร์กอต
  • ยาไดไฮโดรเออร์โกตามีน (dihydroergotamine) เช่น ดีเอสอี45 (D.H.E 45) ไมกรานัล (Migranal)
  • ยาเมทิลเออร์โกโนวีน (methylergonovine) เช่น เมเทอร์จีน (Methergine)
  • ยาฟิโลดิปีน (felodipine) เช่น เพลนดิล (Plendil)
  • ยาไอริโนทีแคน (irinotecan) เช่น แคมป์โทซาร์ (Camptosar)
  • ยาโลวาสแตติน (lovastatin) เช่น เมวาคอร์ (Mevacor)
  • ยาลูราซิโดน (lurasidone) เช่น ลาทูดา (Latuda)
  • ยามิดาโซแลม (midazolam) เช่น เวอร์เซด (Versed)
  • ยาไนโซลดิปีน (nisoldipine) เช่น ซูลาร์ (Sular)
  • ยาซิมวาสแตติน (simvastatin) เช่น โซคอร์ (Zocor)
  • ยาโทลแวปแทน (tolvaptan) เช่น แซมคา (Samsca)
  • ยาไตรอาโซแลม (triazolam) เช่น ฮาลซิอน (Halcion)

แจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณกำลังใช้หรือมีแผนจะใช้ ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง วิตามิน อาหารเสริม และสมุนไพรต่างๆ ยาอื่นๆอีกมากมายนั้นอาจมีปฏิกิริยากับยาคีโตโคนาโซลได้ ดังนั้นจึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบยาทั้งหมด ที่คุณกำลังใช้แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในรายชื่อก็ตาม

หากคุณกำลังใช้ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบของอะลูมิเนียม แคลเซียม หรือแมกนีเซียม เช่น มาล็อกซ์ (Maalox) ไมลันทา (Mylanta) ทัมส์ (Tums) ควรรับประทานยาลดกรด 1 ชั่วโมงก่อนรับประทานยาคีโตโคนาโซล หรือ 2 ชั่วโมงหลังรับประทานยาคีโตโคนาโซล

แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณกำลังเป็น หรือเคยเป็นโรคใดๆ

แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณตั้งครรภ์ วางแผนตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร หากคุณตั้งครรภ์ขณะใช้ยาคีโตโคนาโซลควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

หากคุณกำลังจะเข้ารับการผ่าตัด รวมถึงการผ่าตัดทำฟัน แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่าคุณกำลังใช้ยาคีโตโคนาโซล

คุณควรทราบว่า การใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (รวมทั้งไวน์ เบียร์ และยาที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์อย่างยาน้ำเชื่อมแก้ไอ) ขณะกำลังใช้ยาคีโตโคนาโซลนั้นอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายที่ตับ และทำให้ให้เกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ เช่น หน้าแดง ผดผื่น คลื่นไส้ ปวดศีรษะ และมีอาการบวมที่มือ ที่ข้อเท้า หรือบริเวณขาช่วงล่าง

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา

ยาคีโตโคนาโซลจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา มีดังนี้

  • A = ไม่มีความเสี่ยง
  • B = ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C = อาจจะมีความเสี่ยง
  • D = มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X = ห้ามใช้
  • N = ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ยาคีโตโคนาโซล

เข้ารับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันทีหากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ

แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้

  • วิงเวียนศีรษะ หมดสติ หัวใจเต้นเร็วหรือรัว
  • มีรอยช้ำ หรือเลือดออกได้ง่าย
  • อ่อนแรงผิดปกติ
  • มีอาการเหน็บชา
  • ซึมเศร้าอย่างรุนแรง สับสน หรือคิดอยากทำร้ายตัวเอง
  • คลื่นไส้ ปวดกระเพาะอาหาร มึไข้ต่ำ เบื่ออาหาร อ่อนแรง
  • ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีดินเหนียว
  • ดีซ่าน (ผิวหนังและดวงตาเป็นสีเหลือง)

ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่ามีดังนี้

ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาคีโตโคนาโซล อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น

คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาคีโตโคนาโซล อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ยาคีโตโคนาโซลอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะ

  • เคยมีปัญหาเกี่ยวกับตับ
  • ปัญหาเกี่ยวกับต่อมหมวกไต
  • ประวัติของตนเองหรือคนในครอบครัวเคยมีกลุ่มอาการระยะคิวทียาว (long QT syndrome)

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาคีโตโคนาโซลสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคบลาสโตไมโคสิส (Blastomycosis)

ขนาดยาเริ่มต้น : 200 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคโครโมไมโคซีส (Chromomycosis)

ขนาดยาเริ่มต้น : 200 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคค็อกสิดิออยโดไมโคสิส (Coccidioidomycosis)

ขนาดยาเริ่มต้น : 200 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคฮีสโตพลาสโมสิส (Histoplasmosis)

ขนาดยาเริ่มต้น : 200 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคพาราค็อกสิดิออยโดไมโคสิส (Paracoccidioidomycosis)

ขนาดยาเริ่มต้น : 200 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาคีโตโคนาโซลสำหรับเด็ก

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคบลาสโตไมโคสิส (Blastomycosis)

อายุ 2 ปีขึ้นไป : 3.3 ถึง 6.6 มก./กก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคโครโมไมโคซีส (Chromomycosis)

อายุ 2 ปีขึ้นไป : 3.3 ถึง 6.6 มก./กก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคค็อกสิดิออยโดไมโคสิส (Coccidioidomycosis)

อายุ 2 ปีขึ้นไป : 3.3 ถึง 6.6 มก./กก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคฮีสโตพลาสโมสิส (Histoplasmosis)

อายุ 2 ปีขึ้นไป : 3.3 ถึง 6.6 มก./กก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคพาราค็อกสิดิออยโดไมโคสิส (Paracoccidioidomycosis)

อายุ 2 ปีขึ้นไป : 3.3 ถึง 6.6 มก./กก. รับประทานวันละครั้ง

รูปแบบของยา

ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้

  • ยาเม็ดสำหรับรับประทาน : 200 มก.

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 09/11/2022

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา