ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group
ยา อะโปมอร์ฟีน (Apomorphine) มีผลเดียวกันกับสารในร่างกาย ที่เรียกว่า โดพามีน (dopamine) ซึ่งร่างกายสามารถสร้างขึ้นเอง ระดับของสารโดพามีน ในสมองที่ลดลงนั้นมีความเกี่ยวข้องกับโรคพาร์กินสัน
ยาอะโปมอร์ฟีนเพื่อรักษาอาการยาหมดฤทธิ์ก่อนกำหนดสำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสันขั้นรุนแรง เช่น อาการกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง สูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อ
นอกจากนี้ยาอะโปมอร์ฟีนยังอาจใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น นอกเหนือจากคู่มือการใช้ยาได้อีกด้วย
ทำตามแนวทางการใช้ยาบนฉลากยา ในบางครั้งแพทย์จะเปลี่ยนขนาดยาของคุณ อย่าใช้ยาอะโปมอร์ฟีนในขนาดที่มากกว่า หรือใช้นานกว่ากำหนด แจ้งให้แพทย์ทราบหากยาไม่ได้ผลที่ดีขึ้น
ฉีดยาอะโปมอร์ฟีนเข้าใต้ผิวหนัง คุณอาจต้องเรียนรู้วิธีการฉีดยาที่บ้าน อย่าใช้ยานี้จนกว่าคุณจะเข้าใจวิธีการฉีดยา และการกำจัดกระบอกฉีดยาและเข็มฉีดยาที่ใช้แล้วอย่างถูกต้อง
ห้ามฉีดยาอะโปมอร์ฟีนเข้าในหลอดเลือดดำ
ผู้ดูแลจะแจ้งให้ทราบว่า ส่วนใดบนร่างกายของคุณเหมาะสมจะฉีดยาอะโปมอร์ฟีนมากที่สุด ควรฉีดยาในบริเวณที่แตกต่างกันทุกครั้งที่ฉีดยา อย่าฉีดยาเข้าบริเวณเดิมสองครั้งในคราวเดียว
อ่านข้อมูลสำหรับผู้ป่วยทั้งหมด คู่มือการใช้ยา และแนวทางการใช้ยาที่ได้รับ สอบถามแพทย์หรือเภสัชกรหากมีข้อสงสัยใดๆ
ยาอะโปมอร์ฟีนสามารถทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ และอาเจียนอย่างรุนแรง เพื่อป้องกันอาการนี้ อาจต้องเริ่มใช้ยาแก้คลื่นไส้สองสามวันก่อนเริ่มใช้ยาอะโปมอร์ฟีน ควรใช้ยาแก้คลื่นไส้นี้อย่างต่อเนื่อง ตลอดการรักษาด้วยยาอะโปมอร์ฟีน
อย่าใช้ยาแก้คลื่นไส้ใดๆ โดยไม่ปรึกษาแพทย์ ยาแก้คลื่นไส้บางชนิดอาจเพิ่มผลข้างเคียงของยาอะโปมอร์ฟีน หรือทำให้อาการของโรคพาร์กินสันรุนแรงขึ้น
การตวงขนาดยาอะโปมอร์ฟีนนั้นสำคัญมาก เมื่อคุณใช้เครื่องฉีดยาอะโปมอร์ฟีน จะมีเครื่องหมายตวงเป็นมิลลิลิตร แต่คุณอาจได้รับสั่งขนาดยามาเป็นมิลลิกรัม ยาอะโปมอร์ฟีน 1 มก. เท่ากับเครื่องหมาย 0.1 มล. ในเครื่องฉีดยา
อย่าใช้ยาอะโปมอร์ฟีน หากมีการเปลี่ยนสีหรือมีฝุ่นละออง ควรขอรับยาตัวใหม่ทันที
เมื่อคุณหมุนหน้าปัดขนาดยาในเครื่องฉีดยา ควรแน่ใจว่ามีปริมาณยาเหลือเพียงพอกับขนาดยาของคุณ สอบถามเภสัชกรถึงวิธีการวัดขนาดยาที่ถูกต้อง
จำเป็นต้องมีการตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ
อย่าหยุดใช้ยาอะโปมอร์ฟีนอย่างกะทันหัน ไม่เช่นนั้นอาจจะมีอาการถอนยาที่ไม่พึงประสงค์ได้ สองถามแพทย์ถึงวิธีการหยุดใช้ยาอย่างปลอดภัย
หากคุณหยุดใช้ยาอะโปมอร์ฟีนเป็นเวลา 7 วันขึ้นไป สอบถามแพทย์ก่อนเริ่มใช้ยาอีกครั้ง เพราะคุณอาจต้องเริ่มต้นในยาในขนาดยาที่ต่ำ
ใช้เข็มแบบใช้แล้วทิ้งเพียงแค่หนึ่งครั้งเท่านั้น ควรทำตามกฏหมายของรัฐหรือท้องถิ่น เกี่ยวกับการกำจัดเข็มและกระบอกฉีดยาที่ใช้งานแล้ว ใช้ห่อกำจัดขยะของมีคมที่ป้องกันการฉีกขาดได้ (สอบถามเภสัชกรถึงการได้มาและการกำจัดทิ้ง) ควรเก็บห่อนี้ให้ห่างไกลจากเด็กและสัตว์เลี้ยง
ยาอะโปมอร์ฟีนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาอะโปมอร์ฟีนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาอะโปมอร์ฟีนลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหาก
ยาบางชนิดอาจทำให้เกิดผลที่ไม่ต้องการหรืออันตราย เมื่อใช้ร่วมกับยาอะโปมอร์ฟีน แพทย์อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนการรักษา หากคุณใช้ยาดังต่อไปนี้
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคพาร์กินสันอาจมีความเสี่ยงสูงกว่า ที่จะเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (melanoma) โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงนี้ และหากมีอาการที่ผิวหนังเกิดขึ้น
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ยานี้ทำอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่ แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณตั้งครรภ์หรือมีแผนที่จะตั้งครรภ์
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ยาอะโปมอร์ฟีนสามารถผ่านสู่น้ำนมแม่ หรือส่งผลกระทบกับการให้นมบุตรหรือไม่ โปรดปรึกษาแพทย์ หากคุณกำลังให้นมบุตร
ผู้ป่วยบางคนที่ใช้ยาอะโปมอร์ฟีน อาจจะเผลอหลับในช่วงระหว่างที่กำลังทำกิจกรรมตามปกติในเวลากลางวัน เช่น ระหว่างทำงาน พูดคุย รับประทานอาหาร หรือขับรถ หลีกเลี่ยงการขับรถ หรือใช้เครื่องจักร จนกว่าจะทราบว่ายานี้ส่งผลกระทบกับคุณอย่างไร อาการวิงเวียนหรือง่วงซึมอย่างรุนแรงนั้น สามารถทำให้เกิดการหกล้มหรืออุบัติเหตุอื่นๆ ได้
หลีกเลี่ยงการลุกขึ้นจากท่านั่งหรือท่านอนเร็วเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนได้ ควรลุกขึ้นอย่างช้าๆ และยืนให้มั่นคง เพื่อป้องกันการหกล้ม
อย่าดื่มสุรา เนื่องจากอาจทำให้ความดันโลหิตลดลง และเพิ่มผลข้างเคียงบางอย่างของยาอะโปมอร์ฟีน
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาอะโปมอร์ฟีนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันที หากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
ติดต่อแพทย์ในทันทีหากคุณมีอาการ
คุณอาจมีความต้องการทางเพศที่เพิ่มขึ้น ความต้องการเล่นพนันอย่างผิดปกติ หรือความต้องการอื่นๆ อย่างหนัก ขณะที่กำลังใช้ยานี้ โปรดปรึกษาแพทย์หากเกิดอาการดังกล่าวขึ้น
ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปมีดังนี้
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยาอะโปมอร์ฟีนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่
ยาอะโปมอร์ฟีนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาอะโปมอร์ฟีนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
โรคที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม.
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease):
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย