backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

เจฟิทินิบ (Gefitinib)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรพิมพ์จิต วัฒนชโนบล


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ข้อบ่งใช้

ยา เจฟิทินิบ ใช้สำหรับ

ยา เจฟิทินิบ (Gefitinib) มักใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งปอด ทำงานโดยชะลอหรือหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ยาเจฟิทินิบจะยับยั้งโปรตีนชนิดหนึ่ง ได้แก่ เอนไซม์ที่เรียกว่าไทโรซีนไคเนส (Tyrosine Kinase)

วิธีใช้ยา เจฟิทินิบ

รับประทานยาเจฟิทินิบวันละหนึ่งครั้งพร้อมกับอาหารหรือรับประทานแยกต่างหาก หรือตามที่แพทย์กำหนด

ยาที่สามารถลดหรือยับยั้งกรดในกระเพาะอาหารได้อย่างสมบูรณ์ เช่น ยาในกลุ่มโปรตอนปั๊มอินฮิบิเตอร์ (Proton pump inhibitors) หรือเอชทูบล็อกเกอร์ (H2 blockers) หรือยาลดกรด (antacids) อาจลดการดูดซึมของยาเจฟิทินิบได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนใช้ยาเหล่านี้

ควรใช้ยานี้อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากยา และเพื่อให้จำง่ายขึ้น ควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน

การเก็บรักษายา เจฟิทินิบ

ยาเจฟิทินิบควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาเจฟิทินิบบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย

ไม่ควรทิ้งยาเจฟิทินิบลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาเจฟิทินิบ

ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ยานี้ หรือเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีสารออกฤทธิ์ ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ หรือปัญหาอื่นๆ ได้ โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะ

  • โรคปอด เช่น พังผืดในปอด (pulmonary fibrosis)
  • โรคไตขั้นรุนแรง
  • ปัญหาเกี่ยวกับดวงตา
  • แผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ เช่น โรคถุงผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ (diverticulitis) โรคลำไส้อุดตัน (blockage bowel disease)
  • การสูบบุหรี่
  • โรคมะเร็งที่แพร่กระจายไปยังลำไส้

ไม่แนะนำให้ใช้ยาเจฟิทินิบขณะตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ยานี้สามารถผ่านสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ แต่เนื่องจากความเสี่ยงต่อเด็กทารก จึงไม่ควรให้นมบุตรขณะใช้ยาเจฟิทินิบ

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยงก่อนใช้ยานี้

ยาเจฟิทินิบจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด N โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา มีดังนี้

  • A = ไม่มีความเสี่ยง
  • B = ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C = อาจจะมีความเสี่ยง
  • D = มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X = ห้ามใช้
  • N = ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ยาเจฟิทินิบ

อาจเกิดอาการท้องร่วง ผดผื่น สิว คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เล็บผิดปกติ ผมร่วง มีรอยแดงหรือเจ็บที่ปากหรือลำคอ หรือมีอาการเหนื่อยล้าผิดปกติ หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้น โปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที

โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ

อาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง หรือเบื่ออาหารที่เกิดขึ้นบ่อยๆ นั้น อาจส่งผลให้เกิดภาวะขาดน้ำ (dehydration) และปัญหาเกี่ยวกับไต ติดต่อแพทย์ทันที หากคุณสังเกตเห็นอาการของภาวะขาดน้ำ เช่น ปัสสาวะลดลงผิดปกติ ปากแห้ง หรือกระหายน้ำผิดปกติ หัวใจเต้นเร็ว วิงเวียนหรือเวียนศีรษะ

แจ้งให้แพทย์ทราบ หากเกิดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นน้อยมากแต่รุนแรง ได้แก่ เลือดออกผิดปกติ (ไอเป็นเลือด มีปัสสาวะปนในเลือด) มีอาการระคายเคืองหรือปวดตา บวมที่ข้อเท้าหรือเท้า

ในกรณีหายาก ยาเจฟิทินิบอาจทำให้เกิดโรคปอด อย่างโรคเนื้อเยื่อระหว่างถุงลมปอดอักเสบ (interstitial lung disease-ILD) ที่รุนแรง จนอาจถึงแก่ชีวิตได้ แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากคุณเกิดปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ ไอ หรือเป็นไข้

หากคุณมีอาการท้องร่วงบ่อยๆ หรือผดผื่นผิวหนัง โปรดติดต่อแพทย์ทันที แพทย์อาจให้คุณหยุดใช้ยาเจฟิทินิบชั่วคราว (มากสุดไม่เกิน 14 วัน) ซึ่งอาจช่วยให้อาการไม่พึงประสงค์หายไป แล้วจึงกลับมารักษาด้วยขนาดยาตามเดิม

อาการแพ้ต่อยานี้ไม่ค่อยจะเกิดขึ้น แต่ควรรับการรักษาทันที หากเกิดอาการแพ้ ได้แก่ วิงเวียน หายใจติดขัด ผดผื่นที่รุนแรง อาการคันหรือบวม โดยเฉพาะใบหน้า ลิ้น หรือลำคอ โปรดเข้ารับการรักษาทันที

ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาเจฟิทินิบอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ เกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ ทั้งยาตามใบสั่งและยาที่หาซื้อได้เอง โดยเฉพาะ

  • ยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือยาเจือจางเลือด เช่น วาฟาริน (warfarin)
  • ยาสำหรับลดกรดในกระเพาะ เช่น แรนิทิดีน (ranitidine) ไซเมทิดีน (cimetidine) ฟาโมทิดีน (famotidine) โอเมพราโซล (omeprazole) แลนโซพราโซล (lansoprazole) ราบีพราโซล (rabeprazole)
  • ยายับยั้งเอนไซม์ตับบางชนิด เช่น ซีวายพี 3เอ4 อินฮิบิเตอร์ (CYP 3A4 inhibitors) อย่างคีโตโคนาโซล (ketoconazole) ไอทราโคนาโซล (itraconazole) อิริโทรมัยซิน (erythromycin) หรือคลาริโทรมัยซิน (clarithromycin)
  • ไวโนเรลบีน (vinorelbine)
  • ยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) นาพรอกเซน (naproxen)
  • ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroids) เช่น เพรดนิโซโลน (prednisone)

ยาเหนี่ยวนำเอนไซม์ตับบางชนิด (liver enzyme inducer) เช่น ยาไรฟามัยซิน (rifamycins) อย่างไรแฟมพิน (rifampin) หรือไรฟาบูทิน (rifabutin) รวมถึงสมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ท (St. John’s wort) และเฟนิโทอิน (phenytoin) สามารถกระตุ้นเอนไซม์ตับบางชนิดอย่างซีวายพี 3เอ4 (CYP 3A4) ได้ หากคุณใช้ยาดังกล่าวอยู่ อาจต้องเพิ่มขนาดยาเจฟิทินิบ หากคุณใช้ยาเหล่านี้ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาเจฟิทินิบอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ยาเจฟิทินิบอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาเจฟิทินิบสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งปอดชนิดเซลล์ที่ขนาดไม่เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer)

  • 250 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • ระยะเวลาในการรักษา : จนกว่าอาการกำเริบหรือระดับความเป็นพิษไม่สามารถยอมรับได้
  • การใช้งาน : ใช้เป็นทางเลือกการรักษาอันดับแรกสำหรับโรคมะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดไม่เล็ก ซึ่งเนื้องอกมีตัวรับปัจจัยการเจริญเติบโตของเซล์ (EGFR หรือ epidermal growth factor receptor) มีการขาดหายไป (deletions) ของเอ็กซอน (exon) 19 หรือมีการกลายพันธุ์ แทนที่ด้วยเอ็กซอน (exon) 21 (L858R) ที่ได้รับการทดสอบจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การปรับขนาดยาสำหรับไต

ไม่มีการปรับขนาดยาที่แนะนำ ไม่มีข้อมูลสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไตบกพร่องขั้นรุนแรง

การปรับขนาดยาสำหรับตับ

ไม่มีการปรับขนาดยาที่แนะนำ ควรใช้อย่างระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีอาการตับบกพร่องระดับปานกลางถึงรุนแรง เนื่องจากอาจเกิดผลของยาทั่วร่างกายเพิ่มขึ้น

ความเป็นพิษต่อตับระหว่างการรักษา

  • ระงับการรักษาในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับที่แย่ลง
  • หยุดการรักษาอย่างถาวรสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการตับบกพร่องระดับรุนแรง

การปรับขนาดยา

ระงับการรักษา (นานได้ถึง 14 วัน) สำหรับปฏิกิริยาที่ไม่ถึงประสงค์ของยา แล้วตามด้วยกลับคืนสู่การรักษา (250 มก. รับประทานวันละครั้ง) เมื่อปฏิกิริยาที่ไม่ถึงประสงค์หายไปอย่างสมบูรณ์ หรือดีขึ้นตามเกณฑ์ศัพท์บัญญัติทางทั่วไปสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ (CTCAE) ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (NCI) ระดับ 1

  • อาการของโรคปอดเริ่มมีอาการฉับพลันหรืออาการแย่ลง (หายใจลำบาก ไอ เป็นไข้)
  • ค่าเอแอลที (ALT) และ/หรือ ค่าเอเอสที (AST) เพิ่มขึ้น หรือตามเกณฑ์ NCI CTCAE สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติระดับ 2 หรือมากกว่า
  • อาการท้องร่วงเพิ่มขึ้น หรือตามเกณฑ์ NCI CTCAE สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติระดับ 3
  • สัญญาณและอาการของโรคทางตาที่รุนแรงหรือแย่ลง รวมถึงกระจกตาอักเสบ (Keratitis)
  • ปฏิกิริยาที่ผิวหนังเพิ่มขึ้น หรือตามเกณฑ์ NCI CTCAE สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติระดับ 3

หยุดการรักษาโดยถาวรสำหรับอาการดังต่อไปนี้

  • โรคเนื้อเยื่อระหว่างถุงลมปอดอักเสบ (interstitial lung disease) ที่ยืนยันแล้ว
  • ตับบกพร่องขั้นรุนแรง
  • ระบบทางเดินอาหารทะลุ (Gastrointestinal perforation)
  • กระจกตาอักเสบจากการเป็นแผลบ่อยๆ (ulcerative keratitis)

การใช้ร่วมกับยาเหนี่ยวนำซีวายพี450 3เอ4 (CYP450 3A4) ชนิดแรง :

  • หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกันเท่าที่เป็นไปได้ แต่หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน
  • ให้เพิ่มขนาดยาไปที่ 500 มก. รับประทานวันละครั้ง (โดยไม่มีปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ของยาที่รุนแรง) กลับมาใช้ยาในขนาด 250 มก. ต่อครั้ง 7 วันหลังจากหยุดใช้ยาเหนี่ยวนำซีวายพี450 3เอ4 ชนิดแรง
  • การใช้ร่วมกับยาในกลุ่มโปรตอนปั๊มอินฮิบิเตอร์ (Proton-Pump Inhibitor) หรือเอช 2 แอนตาโกนิสต์ (H2-Receptor Antagonist) หรือยาลดกรด :

    • หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกันเท่าที่เป็นไปได้ แต่หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน
      • ให้รับประทานยานี้ 12 ชั่วโมงหลังจากการใช้ยาในกลุ่มโปรตอนปั๊มอินฮิบิเตอร์ ครั้งล่าสุดหรือก่อนใช้ยาดังกล่าวครั้งต่อไป
      • รับประทานยานี้ 6 ชั่วโมงหลังจากการใช้ยาเอช 2 แอนตาโกนิสต์หรือยาลดกรดครั้งล่าสุด หรือ 6 ชั่วโมงก่อนใช้ยาดังกล่าวครั้งต่อไป

    ข้อควรระวัง

    ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยายังไม่เป็นที่ยอมรับในผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดชนิดเซลล์ที่ขนาดไม่เล็ก ที่แพร่กระจายแล้ว ซึ่งเนื้องอกมีการกลายพันธุ์ของ EGFR นอกเหนือจากการขาดหายไป (deletions) ของเอ็กซอน (exon) 19 หรือการกลายพันธุ์ แทนที่ด้วยเอ็กซอน (exon) 21 (L858R)

    คำแนะนำ

    คำแนะนำการใช้ยา

    • ควรรับประทานยานี้ในเวลาเดียวกันกับทุกวัน พร้อมกับอาหารหรือรับประทานแยกต่างหาก
    • ไม่ควรรับประทานยาที่ลืมรับประทานไปแล้ว หากมีเวลาอีกไม่เกิน 12 ชั่วโมงก่อนเวลารับประทานยาครั้งต่อไป
    • สำหรับผู้ป่วยที่กลืนของแข็งได้ลำบาก ควรมีการศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือวิธีการให้ยาสำหรับยานี้ แบบเป็นยาน้ำกระจายตัว (dispersion) ในน้ำที่ไม่ใช่น้ำอัดลม
    • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาด้วยยาต้านมะเร็งควรเป็นผู้เริ่มต้นและกำกับการรักษานี้

    การเก็บรักษา

    • เก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์เดิมเพื่อให้พ้นจากความชื้น

    ทั่วไป

    • การใช้ร่วมกับการบำบัดด้วยยาที่เป็นพิษต่อเซลล์ (Cytotoxic Therapy)

    การใช้ยานี้ร่วมกับการทำเคมีบำบัดด้วยยาที่เป็นพิษต่อเซลล์ชนิดแพลทินัมเบสแบบคู่ (doublet, platinum-based) สำหรับโรคมะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดไม่เล็กระดับรุนแรงนั้น ไม่มีประโยชน์เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัดด้วยยาที่เป็นพิษต่อเซลล์เพียงอย่างเดียว ดังนั้น จึงควรใช้ยานี้แบบรักษาด้วยยานี้ชนิดเดียวสำหรับโรคมะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดไม่เล็กระดับรุนแรงในผู้ป่วยที่เคยรับการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัดด้วยยาที่เป็นพิษต่อเซลล์ (AU) มาก่อน

    • การประเมินการกลายพันธุ์ของตัวรับปัจจัยการเจริญเติบโตของเซลล์ (EGFR)

    ควรเลือกวิธีที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพเพื่อประเมินสถานะของการกลายพันธุ์ในผู้ป่วยเพื่อลดโอกาสในการได้รับผลตรวจลบเป็นเท็จหรือผลตรวจบวกเป็นเท็จ ในการเลือกทางรักษาอันดับแรก ไม่ควรเลือกใช้ยานี้ในการทำเคมีบำบัดแบบคู่ (doublet chemotherapy) สำหรับผู้ป่วยที่ผลตรวจการกลายพันธุ์เป็นลบ (mutation-negative patients) (AU)

    • การประเมินการกลายพันธุ์ของตัวรับปัจจัยการเจริญเติบโตของเซลล์ (EGFR)

    ผู้ป่วยทุกรายควรรับการประเมินนี้ หากไม่มีตัวอย่างเนื้องอกเพื่อให้ในการประเมิน ก็อาจใช้ดีเอ็นเอของเนื้องอกในกระแสเลือด (circulating tumor DNA) ที่ได้รับจากตัวอย่างเลือด (พลาสม่า) ควรเลือกเฉพาะการทดสอบที่มีประสิทธิภาพ น่าเชื่อถือ และมีปฏิกิริยาไวที่สามารถแสดงให้เห็นการตรวจหาสถานะการกลายพันธุ์ของตัวรับปัจจัยการเจริญเติบโตของเซลล์ ในเนื้องอก หรือดีเอ็นเอของเนื้องอกในกระแสเลือด เพื่อหลีกเลี่ยงผลตรวจลบเป็นเท็จหรือผลตรวจบวกเป็นเท็จ (UK)

    การเฝ้าระวัง

    • ตับ : ตรวจสอบสมรรถภาพของตับเป็นระยะๆ ระหว่างการรักษา
    • ระบบทางเดินอาหาร : ยูเรีย (Urea) อิเล็กโทรไลต์ (electrolytes) และเซรั่มครีอะตินีน (serum creatinine) ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะขาดน้ำสูง
    • เลือด : ค่าไอเอ็นอาร์ (INR) และค่าพีที (PT) ในผู้ป่วยที่ใช้ยาวาฟาริน (warfarin) ร่วมกัน
    • ดวงตา : สัญญาณและอาการของความผิดปกติที่ดวงตา เช่น ตาอักเสบรุนแรงหรือเฉียบพลัน น้ำตาไหล ปฏิกิริยาไวต่อแสง มองเห็นไม่ชัด ปวดตา ตาแดง
    • ระบบทางเดินหายใจ : อาการเหมือนกับโรคเนื้อเยื่อระหว่างถุงลมปอดอักเสบที่เป็นฉับพลันหรือแย่ลง เช่น หายใจลำบาก ไอ เป็นไข้

    คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย

    • หากคุณใช้ยาในกลุ่มโปรตอนปั๊มอินฮิบิเตอร์ ยาเอชทูบล็อกเกอร์ หรือยาลดกรด โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับเวลาในการใช้ยาเหล่านี้ที่ดีที่สุด ขณะที่ทำการรักษาด้วยยาเจฟิทินิบ
    • หากคุณลืมรับประทานยาแล้วมีเวลาก่อนการรับประทานยาครั้งถัดไปต่ำกว่า 12 ชั่วโมง ให้ข้ามมื้อยา หากไม่เป็นเช่นนั้น ให้รับประทานยาทันทีที่จำได้ ห้ามรับประทานยาเป็นสองเท่า (ยาสำหรับ 2 ครั้งในคราวเดียว) เพื่อชดเชยยาที่ข้ามไป
    • หากคุณมีปัญหาในการกลืนของแข็ง โปรดปรึกษาผู้ดูแลสุขภาพเกี่ยวกับวิธีการพิเศษในการใช้ยาเม็ด
    • ยานี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อาการอ่อนแรงผิดปกติที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกิจกรรมบางอย่าง ควรหลีกเลี่ยงการขับรถหรือทำกิจกรรมเช่นการใช้เครื่องจักรจนกว่าคุณจะทราบว่ายานี้ส่งผลต่อคุณอย่างไร

    ขนาดยาเจฟิทินิบสำหรับเด็ก

    ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

    รูปแบบของยา

    ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้

    • ยาเม็ด

    กรณีฉุกเฉินหรือการใช้ยาเกินขนาด

    หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

    กรณีลืมใช้ยา

    หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    เภสัชกรพิมพ์จิต วัฒนชโนบล


    เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา