backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

เซฟาเลกซิน (Cephalexin)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย ฤทธิศักดิ์ วงศ์วุฒิพงษ์ · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ข้อบ่งใช้

ยาเซฟาเลกซินใช้สำหรับ

ยา เซฟาเลกซิน (Cephalexin) ใช้ฉีดเพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจช่วงบน ผิวหนังติดเชื้อ และการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ แพทย์อาจสั่งยา เซฟาเลกซิน สำหรับอาการอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมก่อนใช้ยา เซฟาเลกซิน เพื่อป้องกันอาการแพ้ หรือ ผลข้างเคียงจากการใช้ยา

วิธีการใช้ยาเซฟาเลกซิน

  • ควรใช้ยาตามคำแนะนำบนเอกสารกำกับยา และใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ไม่ควรใช้ยาเกินขนาดหรือน้อยกว่าขนาดที่แนะนำ หรือใช้ยานานกว่าที่กำหนด
  • ยาเซฟาเลกซินอยู่ในรูปแบบแคปซูล ยาเม็ด และ ยาน้ำ สำหรับรับประทาน
  • ยาน้ำ : เขย่ายาให้เข้ากันก่อนใช้ยา
  • ชนิดแคปซูลหรือชนิดเม็ด : รับประทานยาพร้อมน้ำ ไม่ควรเคี้ยวหรือบดยา
  • ควรสอบถามผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการใช้ยาชนิดนี้
  • การเก็บรักษายาเซฟาเลกซิน

    ควรเก็บรักษายาเซฟาเลกซินในอุณหภูมิห้อง รวมถึงเก็บให้พ้นจากแสงและความชื้น เพื่อป้องกันยาเสื่อมสภาพ คุณไม่ควรเก็บไว้ในห้องน้ำหรือตู้เย็น ยาเซฟาเลกซินมีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บแตกต่างกันไป

    สิ่งสำคัญคือ การอ่านคำแนะนำการเก็บรักษายาบนบรรจุภัณฑ์ หรือถามเภสัชกร เพื่อความปลอดภัย คุณควรเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

    ไม่ควรทิ้งยาเซฟาเลกซินลงในชักโครกหรือในท่อระบายน้ำ เว้นแต่คุณได้รับคำแนะนำให้ทำอย่างนั้น สิ่งสำคัญคือทิ้งยาเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่จำเป็นต้องรับประทานอีกต่อไป ปรึกษาเภสัชกรเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีทิ้งยาอย่างปลอดภัย

    ข้อควรระวังและคำเตือน

    ข้อควรรู้ก่อนการใช้ยาเซฟาเลกซิน

    ก่อนการใช้ยา คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณ

    • กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร คุณควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
    • กำลังใช้ยาอื่นหรือการรักษารูปแบบอื่น รวมถึงยาที่คุณซื้อเองโดยไม่มีใบสั่งยา เช่น ยาสมุนไพร และการรักษาโดยแพทย์ทางเลือก
    • มีอาการแพ้ต่อส่วนผสมที่ออกฤทธิ์หรือไม่ออกฤทธิ์ของยาเซฟาเลกซิน หรือส่วนผสมของยาชนิดอื่นๆ
    • เป็นโรค อาการผิดปกติหรือสภาพทางการแพทย์อื่นๆ

    ความปลอดภัยกับการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

    ยังไม่มีการศึกษาในผู้หญิงที่เพียงพอ ที่จะระบุความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตรที่ใช้ยาเซฟาเลกซิน ควรปรึกษาแพทย์เป็นประจำ เพื่อชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ก่อนรับประทานยา อ้างอิงจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ยานี้จัดเป็นยาที่มีความเสี่ยงสำหรับสตรีมีครรภ์ประเภท B

    ต่อไปนี้ คือประเภทความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา

    • A = ไม่เสี่ยง
    • B = ไม่พบความเสี่ยงในบางงานวิจัย
    • C = อาจมีความเสี่ยงบางอย่าง
    • D = มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
    • X = ห้ามใช้
    • N = ไม่ทราบแน่ชัด

    ผลข้างเคียง

    ผลข้างเคียงของยาเซฟาเลกซิน

    ผลข้างเคียงของยาเซฟาเลกซิน ได้แก่

    • คลื่นไส้
    • ท้องร่วง
    • อาเจียน
    • แสบร้อนกลางอก
    • ปวดท้อง
    • อาการคันบริเวณอวัยวะเพศ หรือทวารหนัก
    • เวียนศีรษะ
    • อาการเหนื่อยรุนแรง
    • กระสับกระส่าย
    • มึนงง
    • ปวดศีรษะ
    • ปวดข้อต่อ

    ไม่ใช่ทุกคนที่จะแสดงอาการอันเนื่องมาจากผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจมีผลข้างเคียงอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากคุณมีความกังวลเรื่องผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

    Interactions

    ปฏิกิริยากับยาชนิดอื่น

    ยาเซฟาเลกซินอาจทำปฏิกิริยาระหว่างยาตัวอื่น ที่คุณกำลังรับประทานอยู่และอาจส่งผลให้ยาที่คุณรับประทานออกฤทธิ์ต่างไปจากเดิม หรือเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่รุนแรง หลีกเลี่ยงการทำปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเป็นไปได้ คุณควรเก็บรายชื่อยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาที่จำหน่ายตามใบสั่งยา ยาที่จำหน่ายโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา และสมุนไพร) และแจ้งให้แพทย์รวมถึงเภสัชกรทราบ เพื่อความปลอดภัย อย่าเริ่ม หรือหยุดรับประทาน รวมถึงเปลี่ยนปริมาณยา โดยไม่ได้รับอนุญาตจากแพทย์

    ยาบางชนิดที่อาจทำปฏิกิริยากับยาเซฟาเลกซิน มีดังนี้

    • ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) เช่น ยาวาฟาริน (warfarin) อย่างคูมาดิน (Coumadin) หรือแจนโทเวน (Jantoven)
    • ยารักษาโรคเบาหวาน เช่น ยาเมดฟอร์มิน (metformin) อย่าง ฟอร์ตาเมท (Fortamet) กลูโคฟาจ (Glucophage) กลูเมทซา (Glumetza) รีโอเมท (Riomet) กลูโคแวนซ์ (Glucovance) อินโวคาเมท (Invokamet) และอื่นๆ
    • โพรเบเนซิด (probenecid) อย่างโพรบาแลน (Probalan)

    ปฏิกิริยากับอาหารและแอลกอฮอล์

    ยาเซฟาเลกซินอาจทำปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์ โดยเปลี่ยนฤทธิ์ยา หรือเพิ่มความเสี่ยงให้ที่จะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อถามถึงปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างอาหารหรือแอลกอฮอล์กับยานี้ก่อนรับประทานยา

    ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

    ยาเซฟาเลกซินอาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณ ปฏิกิริยาของยาที่มีต่อร่างกายอาจทำให้สุขภาพของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบเกี่ยวกับสุขภาพและโรคประจำตัวของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณมีอาการดังนี้

    ขนาดยา

    ข้อมูลเหล่านี้ไม่สามารถแทนคำปรึกษาทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยา

    ขนาดยาเซฟาเลกซินสำหรับผู้ใหญ่

    สำหรับอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 250 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง ขนาดที่แบ่งใช้อยู่ระหว่าง 1-4 กรัมต่อวัน

    สำหรับอาการติดเชื้อที่กระดูก

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 250 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง ขนาดที่แบ่งใช้อยู่ระหว่าง 1-4 กรัมต่อวัน

    สำหรับกระเพาะปัสสาวะไม่มีโรคแทรก

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 250 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง หรือ 500 มิลลิกรัมทุก 12 ชั่วโมง ขนาดที่แบ่งใช้อยู่ระหว่าง 1-4 กรัมต่อวัน

    สำหรับหูชั้นกลางอักเสบ

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 250 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง ขนาดที่แบ่งใช้อยู่ระหว่าง 1-4 กรัมต่อวัน

    สำหรับอาการติดเชื้อของผิวหนัง

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 250 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง หรือ 500 มิลลิกรัมทุก 12 ชั่วโมง ขนาดที่แบ่งใช้อยู่ระหว่าง 1-4 กรัมต่อวัน

    สำหรับอาการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 250 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง ขนาดที่แบ่งใช้อยู่ระหว่าง 1-4 กรัมต่อวัน

    สำหรับอาการคอหอยอักเสบจากเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 250 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง หรือ 500 มิลลิกรัมทุก 12 ชั่วโมง ขนาดที่แบ่งใช้อยู่ระหว่าง 1-4 กรัมต่อวัน

    สำหรับอาการเนื้อเยื่ออักเสบและภาวะเต้านมอักเสบ

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 500 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง ขนาดที่แบ่งใช้อยู่ระหว่าง 1-4 กรัมต่อวัน

    ขนาดยาเซฟาเลกซินสำหรับเด็ก

    สำหรับกระเพาะปัสสาวะไม่มีโรคแทรก

    • อายุน้อยกว่า 15 ปี ใช้ยาขนาดครั้งละ 25-50 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ทุกๆ 6-8 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน และ ไม่ควรใช้เกิน 4 กรัม/วัน
    • อายุมากกว่า 15 ปี ใช้ยาขนาดครั้งละ 500 มิลลิกรัมทุก 6 ชั่วโมง ขนาดที่แบ่งใช้อยู่ระหว่าง 1-4 กรัมต่อวัน

    สำหรับอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 25-50 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ทุกๆ 6-8 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน และ ไม่ควรใช้เกิน 4 กรัม/วัน

    สำหรับอาการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดสเตรปโตคอกคัส

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 25-50 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ทุกๆ 6-8 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน และ ไม่ควรใช้เกิน 4 กรัม/วัน

    สำหรับอาการติดเชื้อที่กระดูก

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 25-50 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ทุกๆ 6-8 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน และ ไม่ควรใช้เกิน 4 กรัม/วัน

    สำหรับหูชั้นกลางอักเสบ

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 75-100 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ทุกๆ 6 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน และ ไม่ควรใช้เกิน 4 กรัม/วัน

    สำหรับอาการติดเชื้อของผิวหนัง

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 25-50 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ทุกๆ 6-8 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน และ ไม่ควรใช้เกิน 4 กรัม/วัน

    สำหรับอาการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 25-50 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ทุกๆ 6-8 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน และ ไม่ควรใช้เกิน 4 กรัม/วัน

    สำหรับอาการคออักเสบจากเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 25-50 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน และ ไม่ควรใช้เกิน 500 มิลลิกรัม ทุกๆ 12 ชั่วโมง

    สำหรับอาการเนื้อเยื่ออักเสบและภาวะเต้านมอักเสบ

    ใช้ยาขนาดครั้งละ 500 มิลลิกรัมทุกๆ ชั่วโมง ขนาดที่แบ่งใช้อยู่ระหว่าง 1-4 กรัมต่อวัน

    รูปแบบของยาเซฟาเลกซิน

    ยาเซฟาเลกซินอยู่ในรูปแบบและขนาด ดังนี้

    • แคปซูล ขนาด 250 มิลลิกรัม 500 มิลลิกรัม 750 มิลลิกรัม
    • ยาน้ำสำหรับรับประทาน 125 มิลลิกรัม/5 มิลลิลิตร 250 มิลลิกรัม/ 5 มิลลิลิตร
    • ชนิดเม็ด 250 มิลลิกรัม 500 มิลลิกรัม

    กรณีฉุกเฉินหรือการใช้ยาเกินขนาด

    หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

    หากลืมใช้ยาควรทำอย่างไร

    หากคุณลืมใช้ยานี้ ควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยา

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ

    ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


    เขียนโดย ฤทธิศักดิ์ วงศ์วุฒิพงษ์ · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา