backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

แอลทีเพลส (Alteplase)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

แอลทีเพลส (Alteplase)

ข้อบ่งใช้ แอลทีเพลส

แอลทีเพลส ใช้สำหรับ

แอลทีเพลส (Alteplase) เป็นยาที่ใช้เพื่อสลายลิ่มเลือดโดยเฉพาะกับผู้ป่วย ที่มีอาการของหลอดเลือดสมองตีบตัน นอกจากนี้ยังอาจใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น โปรดปรึกษากับแพทย์

วิธีการใช้ยาแอลทีเพลส

ใช้ยานี้ตามที่แพทย์กำหนด อ่านข้อมูลการใช้ยาทั้งหมดที่ได้รับและทำตามอย่างเคร่งครัด โดยฉีดยาเป็นช็อต (shot) เข้าในสายสวน (catheter)

การเก็บรักษายาแอลทีเพลส

ยาแอลทีเพลสควรเก็บในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาแอลทีเพลสบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไม่ควรทิ้งยาแอลทีเพลสลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาแอลทีเพลส

ปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรถ้าหาก

  • คุณกำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากในช่วงที่คุณตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
  • หากคุณกำลังใช้ยาอื่นอยู่ รวมทั้งยาที่หาซื้อได้เอง เช่น สมุนไพรหรือยาทางเลือกอื่นๆ
  • หากคุณแพ้สารออกฤทธิ์หรือไม่ออกฤทธิ์ ของยาแอลทีเพลสหรือยาอื่นๆ
  • หากคุณมีอาการป่วย มีความผิดปกติ หรือมีสภาวะทางการแพทย์อื่นๆ
  • แจ้งให้ผู้ดูแลสุขภาพของคุณทั้งหมดทราบว่า คุณกำลังใช้ยาแอลทีเพลส รวมถึงแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์
  • คุณอาจจะมีอาการเลือดออกได้ง่ายขึ้น ควรระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ ใช้แปรงสีฟันที่อ่อนนุ่มและมีดโกนหนวดไฟฟ้า
  • ควรระมัดระวังเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ และหลีกเลี่ยงการหกล้มหรือการปะทะ
  • ควรรับการตรวจเลือดตามที่แพทย์กำหนด โปรดปรึกษากับแพทย์
  • หากคุณอายุ 75 ปีขึ้นไป ควรระมัดระวังในการใช้ยานี้ เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงได้มากกว่า

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้

ยาแอลทีเพลสจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ห้ามใช้
  • N= ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ยาแอลทีเพลส

แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากคุณมีสัญญาณหรืออาการดังต่อไปนี้ ที่อาจเกี่ยวข้องกันผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ เช่น

  • สัญญาณของอาการแพ้ เช่น ผดผื่น ลมพิษ คัน รอยแดง บวม ผิวมีแผลพุพองหรือผิวลอก โดยมีหรือไม่มีไข้ หายใจมีเสียงหวีด แน่นหน้าอกหรือลำคอ มีปัญหากับการหายใจหรือการพูด เสียงแหบผิดปกติ หรือมีอาการบวมที่ปาก ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
  • สัญญาณของอาการเลือดไหล เช่น อาเจียนเป็นเลือดหรือคล้ายกากกาแฟ ไอเป็นเลือด มีเลือดปนในปัสสาวะ อุจจาระสีดำ แดง หรือคล้ายยางมะตอย มีเลือดออกที่เหงือก มีเลือดออกที่ช่องคลอดที่ผิดปกติ มีรอยช้ำหาสาเหตุไม่ได้ หรือมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือมีอาการเลือดออกที่รุนแรงหรือไหลไม่หยุด
  • มีรอยแดง บวม หรืออาการปวดที่บริเวณที่เสียบสายสวน

ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาแอลทีเพลสอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น

คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาแอลทีเพลสอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ยาแอลทีเพลสอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกร ทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาแอลทีเพลสสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Myocardial Infarction)

สำหรับวิธีการหยอดยาแบบเร่งด่วน (accelerated infusion)

  • น้ำหนักมากกว่า 67 กก.: 100 มก. โดยให้เป็นฉีดยาทันที 15 มก. ตามด้วยหยอดยา 50 มก. 30 นาทีถัดมา แล้วตามด้วยหยอดยา 35 มก. ในอีก 60 นาทีถัดมา
  • น้ำหนัก 67 หรือน้อยกว่า: โดยให้เป็นฉีดยาทันที 15 มก. ตามด้วยหยอดยา 0.75 มก./กก. (ไม่เกิน 50 มก.) 30 นาทีถัดมา แล้วตามด้วยหยอดยา 0.5 มก./กก. (ไมเกิน 35 มก.) ในอีก 60 นาทีถัดมา

สำหรับวิธีการหยดเป็นเวลา 3 ชั่วโมง

  • น้ำหนักมากกว่า 67 กก.: 100 มก. โดยฉีดยาขนาด 60 มก. เข้าหลอดเลือดดำในชั่วโมงแรก (โดยฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทันที 6 ถึง 10 มก. นานกว่า 1 ถึง 2 นาที) ตามด้วยการหยดยาเข้าหลอดเลือดดำด้วยขนาด 20 มก./ชั่วโมง ในช่วงชั่วโมงที่สองและสาม
  • น้ำหนัก 67 หรือน้อยกว่า: 1.25 มก./กก. โดยฉีดยาขนาด 0.75 มก./กก. เข้าหลอดเลือดดำในชั่วโมงแรก (โดยฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทันที 6 ถึง 10 มก. นานกว่า 1 ถึง 2 นาที) ตามด้วยหยดยาเข้าหลอดเลือดดำด้วยขนาด 0.25 มก./กก./ชั่วโมง ในช่วงชั่วโมงที่สองและสาม มักให้ยาเฮพาริน (Heparin) ในช่วงขณะและหลังจากการให้ยาแอลทีเพลส เคยมีการให้ยาแอสไพริน และ/หรือยาไดไพริดาโมล (dipyridamole) ในช่วงขณะนั้น และ/หรือ ตามด้วยการรักษาด้วยยาเฮพาริน

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด (Pulmonary Embolism)

  • 50 มก./ชั่วโมง ให้ทางหลอดเลือดดำนานกว่า 2 ชั่วโมงสำหรับขนาดยาทั้งหมด 100 มก. มักเริ่มให้ยาเอพารินในช่วงท้ายหรือให้ตามหลังจากการให้ยานี้ทันทีเมื่อค่าพีที (partial thromboplastin time) หรือค่าทีที (thrombin time) นั้นลดลงมากกว่า 2 เท่าของระดับปกติหรือน้อยกว่านั้น

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคหลอดเลือดสมองสมองขาดเลือด (Ischemic Stroke)

  • 0.9 มก./กก. (มากถึง 90 มก.) ให้ทางหลอดเลือดดำนานกว่า 60 นาทีพร้อมกับ 10% ของขนาดยาทั้งหมด ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทันทีในนาทีแรก

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคหลอดเลือดอุดตันหรือหลอดเลือดดำอุดตัน (Thrombotic/Thromboembolic Disorder)

  • สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลางอุดตัน (Occluded central venous catheter):
  • คำแนะนำจากผู้ผลิตแคทโฟล แอคทิเวส (CathFlo Activase): ผู้ป่วยที่มีน้ำหนัก 30 กก. ขึ้นไป: ยา 2 มก. ใน 2 มล. อาจหยอดยาครั้งที่สองหากยังมีอารอุดตันอยู่หลังจากที่ทิ้งยาไว้ 2 ชั่วโมง งานวิจัยล่าสุดใช้ขนาดยาที่เพิ่มขึ้น 0.5 มก. 1 มก. และ 2 มก. (ทิ้งไว้ 60 นาที) พบว่า 86.2% ของสายสวนจะโล่งด้วยขนาดยา 0.5 มก.

ขนาดยาแอลทีเพลสสำหรับเด็ก

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคหลอดเลือดอุดตันหรือหลอดเลือดดำอุดตัน (Thrombotic/Thromboembolic Disorder)

  • สายสวนหลอดเลือดดำอุดตัน (Occluded IV catheter) หยอดยาเข้าที่สายสวนไม่ใช่หยอดยาเข้าร่างกายผู้ป่วย รายการขนาดยาต่อช่องภายในหลอด (lumen) สำหรับสายสวนแบบหลายช่องในหลอดเดียวกัน (multilumen catheters) การรักษาโดยใช้เพียงช่องเดียวต่อครั้ง ขนาดยาควรสูบออกจากสายสวนหลังจากที่ทิ้งไว้

คำแนะนำจากผู้ผลิตแคทโฟล แอคทิเวส (CathFlo Activase)

  • สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลาง (Central venous catheter): อายุแรกคลอด 14 วันขึ้นไป ใช้ยาที่ความเข้มข้ม 1 มก./มล. ค่อยๆ หยอดยาลงไปจนได้ระดับเท่ากับ 110% ของช่องภายในสายสวน ไม่ควรเกิน 2 มก. ใน 2 มล. ทิ้งยาไว้เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง แล้วจึงระบายออกจากสายสวน อาจหยอดยาครั้งที่สอง หากสายสวนยังอุดตันอยู่หลังจากที่ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง

ขนาดยาอีกทางเลือกหนึ่ง

  • สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลาง (Central venous catheter) 0.5 มก. เจือจางในน้ำเกลือที่ระดับเท่ากับระดับภายในของช่องภายในหลอด ค่อยๆ หยอดยาลงไปในแต่ละช่องนานกว่า 1-2 นาที และทิ้งยาไว้นาน 1-2 ชั่วโมง แล้วจึงสูบยาออกจากสายสวน ล้างสายสวนด้วยน้ำเกลือ
  • สายสวนหลอดเลือดดาส่วนกลาง (Central venous catheter): สารละลาย 0.25 ถึง 0.5 มก./มล. ค่อยๆ หยอดยาเข้าในไปสายสวน ทิ้งไว้เป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้วจึงสูบยาออกจากสายสวน

รูปแบบของยา

ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้

  • ยาสำหรับฉีด

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ

ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา