backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

โปรคาร์บาซีน (Procarbazine)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 02/10/2020

โปรคาร์บาซีน (Procarbazine)

โปรคาร์บาซีน (Procarbazine) เป็นยาเคมีบำบัดในการต้านมะเร็ง จัดอยู่ในกลุ่มของ อัลคิเลท (Alkylating agents) ที่ใช้ในการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กิน (Hodgkin’s lymphoma)

ข้อบ่งใช้

โปรคาร์บาซีน ใช้สำหรับ

โปรคาร์บาซีน (Procarbazine) เป็นยาเคมีบำบัดในการต้านมะเร็ง จัดอยู่ในกลุ่มของ อัลคิเลท (Alkylating agents) ที่ใช้ในการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กิน (Hodgkin’s lymphoma)

อย่างไรก็ตาม ยา โปรคาร์บาซีนมีสรรพคุณช่วยชะลอหรือหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

วิธีการใช้ยา โปรคาร์บาซีน

รับประทานยาตามแพทย์กำหนด รับประทานยาติดกัน 2 สัปดาห์ และเว้นระยะการรับประทานยา หลังจากนั้นกลับมารับประทานยาอีกครั้ง (หลีกเลี่ยงการบดแคปซูลก่อนกลืน เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียง)

รับประทานยาเป็นเวลา ควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (ปริมาณและขนาดของยาขี้นอยู่กับ อายุ รูปร่าง และยาประจำที่ใช้อยู่ แพทย์จะปรับให้ตามความเหมาะสม)

หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสารไทรามีน (Tyramine) สูง ขณะใช้ยานี้ควรหลีกเลี่ยงและเครื่องดื่มที่มีสารไทรามีนสูง เช่น เนื้อ ไส้กรอก ผงน้ำซุป อาหารหมักดอง เบียร์ เป็นต้น

ควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งจนครบกำหนด ถึงแม้ว่าจะมีอาการคลื่นไส้ หากมีอาการอาเจียนทันทีหลังจากรับประทานยา ให้รีบติดต่อแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำ

การเก็บรักษา ยาโปรคาร์บาซีน

  • ยาโปรคาร์บาซีน ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย
  • ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาโปรคาร์บาซีนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
  • ไม่ควรทิ้งยาโปรคาร์บาซีนลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อ

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ ยาโปรคาร์บาซีน

  • ก่อนใช้ยาโปรคาร์บาซีน แจ้งให้แพทย์หรือเภสชักรทราบ หากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือมีโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่นๆ โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
  • ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสชักรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะ อาการเลือดออกหรือปัญหาเกี่ยวกับเลือด อาการติดเชื้อที่กำลังเป็นอยู่ เพิ่งเป็นไม่นาน หรือเคยเป็นในอดีต โรคไต โรคตับ การฉายรังสีบำบัด
  • ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนหรือง่วงซึม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกัญชา อาจทำให้อาการวิงเวียนหรือง่วงซึมรุนแรงขึ้นได้ อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัวจนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย ปรึกษาแพทย์หากคุณใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ขณะใช้ยานี้เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว และหน้าแดงได้
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ขณะใช้ยานี้ บุหรี่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปอดขณะใช้ยานี้ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
  • ยานี้อาจทำให้คุณมีปฏิกิริยาไวต่อแสงอาทิตย์ได้ ควรจำกัดเวลาในการอยู่ใต้แดด ควรทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้าป้องกันเมื่ออยู่นอกบ้าน แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณเกิดอาการแดดเผาหรือมีแผลพุพองหรือรอยแดงที่ผิวหนัง
  • ยาโปรคาร์บาซีนสามารถทำให้คุณมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น หรือทำให้อาการติดเชื้อที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการติดต่อผู้มีอาการติดเชื้อที่สามารถแพร่สู่ผู้อื่นได้ (เช่น โรคอีสุกอีใสหรือไข้หวัดใหญ่) ปรึกษาแพทย์ หากคุณอาจมีการสัมผัสกับเชื้อเมื่อไม่นานมานี้ หรือหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
  • อย่าสร้างภูมิคุ้มกันหรือรับวัคซีนโดยไม่ปรึกษากับแพทย์ หลีกเลี่ยงการติดต่อกับผู้ที่เพิ่มรับวัคซีนเชื้อเป็น (เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่รับโดยการสูดดม)

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้

ยาโปรคาร์บาซีน จัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ หมวด D โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ห้ามใช้
  • N= ไม่มีข้อมูลเพียงพอ
  • ผลข้างเคียง

    ผลข้างเคียงของการใช้ ยาโปรคาร์บาซีน

    ผลข้างเคียงจากการใช้ ยาโปรคาร์บาซีน มีดังนี้

    • อาการคลื่นไส้และอาเจียน
    • เบื่ออาหาร
    • ท้องผูก ท้องร่วง
    • ปากแห้ง
    • กลืนลำบาก
    • วิงเวียนศีรษะ
    • อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่
    • นอนไม่หลับ
    • ผมร่วงชั่วคราว
    • อาการเลือดออกหรือรอยช้ำผิดปกติ

    ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

    ปฏิกิริยาของยา

    ปฏิกิริยากับยาอื่น

    ปฏิกิริยาระหว่างการใช้ยาอื่นอาจทำห้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้ โดยมียาดังต่อไปนี้

    • ยาลดความอ้วน หรือยากดความอยากอาหาร เช่น ไดเอทิลโพรพิออน (Diethylpropion)
    • ยาสำหรับโรคสมาธิสั้น (Attention deficit hyperactivity) เช่น อะโทม็อกซีทีน (Atomoxetine) หรือเมทิลเฟนิเดต (methylphenidate) ยาแอพราโคลนิดีน (Apraclonidine) บูโพรพิออน (Bupropion) บิวสไปโรน (Buspirone) คาร์บามาเซพีน (Carbamazepine) ไซโคลเบนซาพรีน (Cyclobenzaprine) เดยูเททราเบนาซีน (Deutetrabenazine) เดกซ์โทรเมทอร์แฟน (Dextromethorphan) เมทิลโดปา (Methyldopa) เตตราเบนาซีน (Tetrabenazine) วาลเบนาซีน (Valbenazine)
    • ยาแก้ปวดแบบเสพติดบางชนิด (Narcotic medications) เช่นเมเพอริดีน (Meperidine) เมทาโดน (Methadone) หรือทาเพนทาดอล (Tapentadol) อาหารเสริมบาชนิด เช่น ทริปโตเฟน (Tryptophan) สารไทรามีน (Tyramine) ทริปแทน (Triptans)
    • ยาที่ใช้เพื่อรักษาอาการปวดหัวไมเกรน เช่น ไรซาทริปแทน (Rizatriptan) หรือซูสรทริปแทน (Sumatriptan) ยาสำหรับโรคพาร์กินสันบางชนิด (Parkinson’s disease) เช่น เอนทาคาโปน (Entacapone) เลโวโดพา (Levodopa) หรือทอลคาโปน (Tolcapone)
    • การใช้ยาในกลุ่ม MAO inhibitors ร่วมกับอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรง (อาจถึงแก่ชีวิต) อย่าใช้ยาในกลุ่ม MAO inhibitors อื่นๆ เช่น ไอโซคาร์บอกซาซิด (Isocarboxazid) ลีเนโซลิด (Linezolid) เมทิลีน บลู (Methylene blue) โมคลอเบไมด์ (Moclobemide) ฟีเนลซีน (Phenelzine) ราซาจิลีน (Rasagiline) ซาฟินาไมด์ (Safinamide) เซเลจิลีน (Selegiline) ทรานิลซัยโปรมีน (Tranylcypromine) ขณะที่กำลังใช้ยานี้ ไม่ควรใช้ยาในกลุ่มเอ็มเอโอไอส่วนใหญ่ภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนหรือหลังจากใช้ยาโปรคาร์บาซีน สอบถามแพทย์ถึงเวลาในการเริ่มหรือหยุดใช้ยานี้
    • ยาแก้แพ้หรือยาแก้ไอแก้หวัด เช่น เดกซ์โทรเมทอร์แฟน (Dextromethorphan) ยาแก้คัดจมูก เช่น ฟีนิลเอฟรีน (Phenylephrine) หรือซูโดเอฟีดรีน (Pseudoephedrine) และยากระตุ้น เช่น แอมเฟตามีน (Amphetamines) เอฟีดรีน (Ephedrine) เอพิเนฟรีน (Epinephrine) ฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine)

    ก่อนใช้ยาโปรคาร์บาซีน ควรแจ้งรายชื่อของยาทั้งหมด ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการความดันโลหิตวิกฤต เมื่อใช้ร่วมกับยาโปรคาร์บาซีน รวมถึงสมุนไพรต่างๆ

    ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

    ยาโปรคาร์บาซีน อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

    ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

    ยาโปรคาร์บาซีน อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

    ขนาดยา

    ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

    ขนาด ยาโปรคาร์บาซีน สำหรับผู้ใหญ่

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคฮอดจ์กิน (Hodgkin’s disease)

    • สำหรับผู้เริ่มต้นรับประทาน รับประทานยาครั้งเดียว หรือแบ่ง 2-4 มก./กก. ในสัปดาห์แรก (เพื่อลดอาการคลื่นไส้และอาเจียน)
    • สำหรับการบำรุงรักษา ระดับของขนาดยาต่อวันไว้ที่ 4-6 มก./กก. วัน จนได้รับการตอบสนองสูงสุดหรือจนกว่าปริมาณของเม็ดเลือดขาวละลดลงมาต่ำกว่า 4,000 หรือเกล็ดเลือดต่ำกว่า 100,000 เมื่อได้รับการตอบสนองสูงสุดแล้ว การรักษาระดับของขนาดยาไว้ที่ 1-2 มก./กก./วัน จากมีโรคเลือดหรือความเป็นพิษอื่นๆ ควรหยุดใช้ยาจนกว่าจะฟื้นฟูในระดับที่พึงพอใจ หลังจากผลของการเป็นพิษลดลง อาจกลับมารักษาตามปกติ ตามดุลพินิจของแพทย์ โดยขึ้นอยู่กับผลการประเมินทางการแพทย์และผลการศึกษาที่เหมาะสมในห้องทดลอง ที่ขนาดยา 1-2 มก./กก./วัน

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคเนื้องอกแอนนาพลาสติกแอสโตรไซต์โตมา (Anaplastic astrocytoma)

    • รับประทานวันละครั้งในวันที่ 8-21 เมื่อใช้ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของสูตรยาที่มีโลมูสทีน (lomustine) หรือ CeeNU และวินคริสทีน (Vincristine) อาจใช้ยาในสูตรยาพีซีวี (PCV regimen) ต่อเนื่องเป็นเวลา 29 วัน

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งไกลโอบลาสโตมามัลติฟอร์เม (Glioblastoma multiforme)

    • รับประทานวันละครั้งในวันที่ 8-21 เมื่อใช้ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของสูตรยาที่มีโลมูสทีน (lomustine) หรือ CeeNU และวินคริสทีน (Vincristine) อาจใช้ยาในสูตรยาพีซีวี (PCV regimen) ต่อเนื่องเป็นเวลา 29 วัน

    การปรับขนาดยาสำหรับไต

    • แพทย์บางรายแนะนำให้ลดขนาดยา สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไตบกพร่อง แต่ยังไม่มีการพิสูจน์แนวทางโดยเฉพาะ

    การปรับขนาดยาสำหรับตับ

    • แพทย์บางรายแนะนำให้ลดขนาดยา สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการตับบกพร่อง แต่ยังไม่มีการพิสูจน์แนวทางโดยเฉพาะ

    การปรับขนาดยา

    สำหรับการใช้เป็นยาชนิดเดียว ขนาดยาเริ่มต้นที่แนะนำนั้น เพื่อลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ที่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เริ่มใช้ยาโปรคาร์บาซีน อาจรักษาระดับของขนาดยาในแต่ละวันที่ 4 ถึง 6 มก./กก./วัน รับประทานยาหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน จนได้รับการตอบสนองสูงสุด หรือจนกว่าจะมีเหตการณ์ดังต่อไปนี้ แนะนำให้หยุดการรักษาในทันทีหากเกิดอาการดังต่อไปนี้

    • มีสัญญาณหรืออาการของระบบประสาทส่วนกลาง เช่น ภาวะพาเรสทีเชีย (paresthesias) เส้นประสาทอักเสบ (neuropathies) หรือสับสน
    • ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (Leukopenia) (จำนวนเม็ดเลือดขาวน้อยกว่า 4,000)
    • ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) (เกล็ดเลือดน้อยกว่า 100,000)
    • ภาวะภูมิแพ้ (Hypersensitivity reaction)
    • เยื่อบุช่องปากอักเสบ (Stomatitis) (มีแผลเล็กๆ แห่งแรกหรือมีแผลไม่ยอมหายไปที่ภายในชองปากเป็นสัญญาณในการหยุดการรักษา)
    • ท้องร่วง (บ่อยครั้งหรืออุจจาระเหลว)
    • ตกเลือด (Hemorrhage) หรือเลือดออกง่าย (bleeding tendencies)

    คำแนะนำอื่นๆ

    • ขนาดยาทั้งหมดขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้ป่วย แต่ควรมีการประเมินน้ำหนักตัวที่ปราศจากไขมันหรือน้ำหนักแห้ง (dry weight) สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคอ้วน หรือมีน้ำหนักเทียมเนื่องจากบวมน้ำ (edema) ท้องมาน (ascites) หรืออาการคั่งน้ำผิดปกติอื่นๆ
    • ควรมีการรับข้อมูลการทดลองพื้นฐานก่อนเริ่มต้นการรักษา ควรมีการเฝ้าสังเกตสถานะทางระบบโลหิตวิทยาที่แสดงให้เห็นจากจากฮีโมโกลบิน (hemoglobin) ฮีมาโทคริต (hematocrit) ปริมาณเม็ดเลือดขาว การนับแยกชนิดเม็ดเลือด เรติคูโลไซท์ (reticulocytes) และเกล็ดเลือดไม่ต่ำกว่าทุกๆ 3 หรือ 4 วัน
    • ควรมีการประเมินตับและไต รวมไปถึงการตรวจปัสสาวะ ตรวจทรานซามิเนส (transaminase) ตรวจอัลคาไลฟอสฟาเทส (alkaline phosphatase) และตรวจค่าของปริมาณไนโตรเจนในกระแสเลือด (blood urea nitrogen tests) อย่างน้อยทุกๆ สัปดาห์
    • หากมีการใช้การฉายรังสีบำบัด หรือการทำเคมีบำบัดที่มีการกดไขกระดูก (marrow depressant) แนะนำให้เว้นระยะ 1 เดือนขึ้นไป ระหว้างการรักษาด้วยยาโปรคาร์บาซีน ความยาวของระยะเวลาพักนี้ ขึ้นอยู่กับการฟื้นฟูของไขกระดูก โดยขึ้นอยู่กับการศึกษาไขกระดูกในภายหลัง

    ขนาด ยาโปรคาร์บาซีน สำหรับเด็ก

    • ในปัจจับันยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร

    รูปแบบของ ยาโปรคาร์บาซีน

    ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้

    • ยาแคปซูลสำหรับรับประทาน

    กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

    หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

    กรณีลืมใช้ยา

    • หากคุณลืมรับประทานยาควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์

    ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


    เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 02/10/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา